สิ่งที่มาพร้อมกับงานของผมขณะ ทำงานอยู่ในป่า คือ การต้องนั่งนิ่งๆ เฝ้ารอ และ รับฟังเสียงต่างๆ ที่เกิดขึ้น
ในป่า ไม่เคยเงียบ มีเสียงต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย มีเสียง แสดงอาณาเขต มีเสียง บอกแหล่งอาหาร รวมทั้งเสียงแสดงความรัก
หลายเสียง ฟังดูน่ารื่นรมย์ อีกหลายเสียง อาจฟังดูน่ากลัว
เพราะในป่า มีชีวิต ป่าจึงมีเสียง
และเพราะ เราเงียบ จึงได้ยิน
บรรยากาศ เปลี่ยนไป เมื่อกลับถึงแคมป์ และพบกับเพื่อนร่วมทาง ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยพิทักษ์ป่า
ในแคมป์ ไม่เคยขาดเสียงหัวเราะ และรอยยิ้ม
ว่าตามจริง เรื่องราวที่เราพูดคุย นั่น มันซ้ำไปซ้ำมา มุกตลก เก่าๆ แต่เราก็หัวเราะ
งานของคนทำงานในป่า ไม่ใช่งานที่สบายนักหรอก หลายคน เลือกที่จะเข้ามาทำงานในป่า เลือกที่จะเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อสิ่งที่พวกเขารัก และพวกเขาก็รู้ดีว่า สิ่งที่มาพร้อมกับงานที่ทำเป็นเช่นไร
ผมยิ้มเสมอ ขณะทำงานใช่ว่าหนทางที่เดินจะราบเรียบหรือผมอยู่ใน โลก อันสวยงาม
แต่งานของผมสอนให้รู้เรื่องราวความหลากหลาย
มีชีวิตมากมายต่างล้วนมีหน้าที่แตกต่างกัน
ผมเลือกที่จะเอ่ยถึงว่า พรุ่งนี้ เพื่อนร่วมทางจะออกลาดตระเวนด้วยการถืออาวุธรุ่นโบราณ
แต่ผมจะบอกความจริงว่า พวกเขาเป็นชุดลาดตระเวนที่ผ่านการอบรมงานลาดตระเวนเชิงคุณภาพ อันเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดสำหรับ การปกป้องชีวิตสัตว์ป่าและแหล่งอาศัยของพวกมัน มาแล้วอย่างเข้มข้น
ผมบอกเล่าความจริงในมุมนี้มาเนิ่นนาน
ไม่ว่า ข้างนอกจะมองเข้ามาเป็นเช่นไร แต่ เมื่อมองจากข้างใน ผมเห็นความจริง ความตั้งใจ และ ที่สำคัญเห็นว่าพวกเขา ทำงาน ได้ผล เกินกว่า ปัจจัย ที่ได้รับ
ถึงที่สุด ผม ‘เห็น’ ความหวัง ในการมีชีวิตอยู่ของเหล่าสัตว์ป่า
ว่ากันว่า เมื่อเรายิ้ม โลกจะยิ้มกับเรา เมื่อร้องไห้เราจะร้องอยู่เพียงลำพัง
ถึงวันนี้ผมเชื่อว่า ไม่ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะ ‘โลก’ ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเราหรอก
ดูเหมือนว่าสิ่งที่ควรกระทำคือ รู้ว่า จะหัวเราะ หรือร้องไห้ให้โลกเห็น
ความท้อถอย และ น้ำตา เราทุกคนมี
แต่บางครั้ง เมื่อเกิดขึ้น เราควร ซ่อนมันไว้ ด้วยรอยยิ้ม
เขียนโดย ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ กรรมการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร