นอกเหนือจากมุมมองทางวิชาการ และแนวคิดจากการทำประมงพื้นบ้าน ที่สะท้อนภาพปัญหา (กรณี) หากมีการแก้ไขกฎหมายมาตรา 69 พระราชกำหนดการประมง ยังมีประเด็นอีกหลายแง่มุมที่ยังเป็นบทสนทนาที่น่าหยิบยก
‘ของฝากจากทะเล’ ของฝากที่มาในรูปแบบเรื่องเล่าจากบุคลากรหลากหลายอาชีพ ที่มีส่วนร่วมในการใช้ทรัพยากรทางทะเล เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความสนใจ ในงานเสวนา ‘สภาปลาเล็ก’ โดย ‘มูลนิธิสืบนาคะเสถียร’ เรื่องราวไม่ได้สลับซับซ้อน หรือเข้าใจยาก เพราะทุกสิ่งคือมุมคิดที่เกิดจากการคลุกคลีธรรมชาติทางทะเลอย่างแท้จริง
พฤติกรรมของ ‘วาฬ’ และการหายไปของ ‘ปลากะตัก
‘ชาญกิจ ชำนิวิภัยพงศ์’ ผู้ก่อตั้ง ThaiWhales นักดูวาฬ บอกว่า วาฬในท้องทะเลไทย ธรรมชาติของเขาจะขึ้นกินเหยื่อแปลกกว่าที่อื่นๆ โดยมีลักษณะอ้าปากแล้วหมุนไปรอบๆ เป็นวงกลม อาหารหลักวาฬกินคือ ‘ปลากะตัก’ ซึ่งเป็นช่วง 15 ปีก่อน ที่ออกไปสำรวจวาฬใหม่ๆ ซึ่งหลังๆ อาหารของวาฬเริ่มเปลี่ยนเป็นปลาชนิดอื่น อาทิ ปลาอกแร้ และปลาแป้น ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นเพราะปลากะตักมีจำนวนน้อยลง
“ก่อนหน้านี้เวลาเราถ่ายรูปในปากวาฬ เราจะเห็นแต่ปลากะตัก แต่ 5 ปีหลังเห็นได้ชัดว่าวาฬอ้าปากกินบนผิวน้ำน้อยลง แต่เลือกกินเหยื่ออย่างปลาอกแร้ใต้ผิวน้ำแทน ซึ่งมันกำลังบอกเราว่า จำนวนปลาเล็กที่อยู่บนผิวน้ำ (ปลากะตัก) กำลังมีจำนวนลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ”
ส่วนกรณีที่กลุ่มผลักดันให้แก้ไขมาตรา 69 บอกว่า ‘ปลากะตักเป็นปลาอายุสั้น’ ต้องรีบใช้ไม่งั้นจะสูญเปล่า นั้นเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวและไม่ยั่งยืน ชาญกิจ นิยามว่ามองแบบนี้คือคิดแบบ ‘คน’ มากๆ เพราะไม่ได้มองถึงปัจจัยอื่นเลย โดยเฉพาะสัตว์ที่อาศัยอยู่ในระบบนิเวศ ซึ่งมีสิทธิ์ใช้ประโยชน์จากปลากะตักด้วย

“การที่บอกว่าปลากะตักเป็นปลาอายุสั้นไม่ใช้ก็หมด มันเป็นความคิดแค่คนเท่านั้นเอง ในฐานะที่ผมสำรวจวาฬมา อยากให้ทุกคนเห็นใจวาฬเหล่านี้ด้วย แบ่งๆ ให้เขาได้กินบ้าง ก็อยากฝากไว้ครับความคิดที่เห็นแก่ตัวแบบนี้มันหมดสมัยแล้ว และมันจะยิ่งทำให้อายุของโลกนี้สั้นลง ขณะเดียวกันอายุของเราก็จะสั้นลงตามด้วย” – ชาญกิจ ชำนิวิภัยพงศ์
การล่าแบบ ‘แฟร์เกม’
‘อภิญญา สกุลเจริญสุข’ นักดำน้ำและนักแสดง กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ส่วนตัวเป็นคนชอบทานปลา และมีธุรกิจโรงเรียนสอนดำน้ำด้วย ซึ่งหนึ่งในบทเรียนที่จะมีการสอน คือการพูดถึง ‘การตกปลา – การยิงปลา’ ซึ่งในมุมส่วนตัวมองว่าเป็นวิธีการล่าปลาแบบยั่งยืน เพราะเป็นลักษณะของการใช้วิธีการด้วยรูปแบบ ‘หนึ่งต่อหนึ่ง’ ขณะเดียวกันพอได้ทราบ ถึงกรณีการแก้ไขมาตรา 69 ที่กำลังอยู่ในกลไกของรัฐสภา ก็รู้สึกตกใจ เพราะทุกอย่างถูกผลักดันเข้าสู่กระบวนการและได้รับความเห็นชอบ ทั้งๆ ประเด็นเรื่องการใช้อวนตาถี่ ถูกคัดค้านมายาวนานกว่า 40 ปี แล้ว
เดิมที อภิญญา มองว่า การใช้อวนจับปลาถือเป็นเครื่องมือเครื่องมือที่ดูรุนแรงโหดร้ายกว่าการยิงปลาเป็นตัวๆ โดยเฉพาะในแง่เรื่องของการจับทีละมากๆ และยิ่งการที่ จะมีการแก้ไขให้สามารถใช้ ‘อวนตาถี่’ ด้วย จึงเป็นสิ่งที่น่ากังวลพอสมควร

“ถ้าวันนี้ป่านไม่ออกมา แล้วมัวแต่พูดเรื่องนี้กับนักเรียนแค่คลาสละ 4 คน มันอาจจะไม่มีประสิทธิภาพมากพอ รู้สึกว่าการที่เป็นดารานักแสดง ที่ออกมาแสดงจุดยืน (คัดค้านการแก้ไขมาตรา 69) วันนี้ อาจทำให้เสียงของหนูกระจายไปมากขึ้น” – อภิญญา สกุลเจริญสุข
อภิญญา ได้ตั้งข้อสังเกต ถึงปัจจัยการบริโภคปลาของสังคม ที่ให้หลังเริ่มนิยมในการกินปลาที่ยังไม่เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ เธอตั้งคำถามว่า ความอร่อยที่ได้มาจากการกินแต่ละครั้ง มันคุ้มค่ากับการสูญเสียประชากรปลาที่มีโอกาสเป็นปลาขนาดใหญ่แค่ไหนโดยเฉพาะหากลองเปรียบเทียบกันง่ายๆ ‘ปลาข้าวสาร’ หนึ่งคนอาจต้องบริโภคกว่า 200 ตัวในหนึ่งมื้อเพื่อความอิ่ม แต่ขณะที่ ‘ปลาเก๋า’ โตเต็มวัยหนึ่งตัว อาจเลี้ยงท้องผู้คนในครอบครัวได้มากกว่า 4 – 5 คน ‘มนุษย์’ จึงควรช่างน้ำหนักการบริโภคของตัวเอง ด้วย เพื่อให้ทั้งกลไกของการบริโภคและความสมดุลทางธรรมชาติ มีความสอดคล้องกัน
ขณะที่ ‘ทัพพ์ มีทรัพย์วัฒนา’ นักตกปลา ได้มาแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับวิธีการจับปลา ซึ่งเขามองมุมเดียวกับ ‘อภิญญา’ ในเรื่องของการ ‘การตกปลา – การยิงปลา’ ว่าเป็นวิธี ‘การล่าแบบยั่งยืน’ เพราะมนุษย์สามารถเลือกเหยื่อเองได้ แต่ขณะเดียวกันการใช้ ‘อวนลาก’ อาจเป็นวิธีการที่ ‘หว่านล่าเหยื่อ’ ชนิดที่ไม่สามารถกำหนดขนาดและสายพันธุ์ได้เลย
ทัพพ์ ได้นำภาพถ่าย ‘ปลาทูน่า’ ขนาดใหญ่ที่ตกมาได้จากเกาะจังหวัดชลบุรี มาประกอบการบรรยายด้วย โดยเขาพยายามสื่อสารว่าในพื้นที่อ่าวไทยก็มีปลาขนาดใหญ่อยู่หลายชนิด อาทิ ปลาทูน่าที่เขาจับมาได้ ซึ่งปลาเหล่านี้ล้วนแต่ต้องพึ่งพาอาหารบนระบบนิเวศในการเจริญเติบโตทั้งสิ้น

“อ่าวไทยมีความหลากหลายอยู่มาก แต่ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้วในการตกทูน่าครั้งหนึ่ง มันกลายเป็นเรื่องแปลก และยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ที่ได้ตัวอยู่แถวพัทยา แสดงว่ามันเป็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ซึ่งผมคิดว่ามาจากช่วงโควิด ที่การท่องเที่ยวและประมงไม่ได้คึกครื้น ทำให้ปลาขนาดเล็กหลายชนิดมีการฟื้นฟูประชากร กลับกันพอทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติ พวกมันก็เริ่มหายไป” – ทัพพ์ มีทรัพย์วัฒนา
มุมคิดของทัพพ์ สอดคล้องกับความเห็นของ ‘ชาญกิจ’ ที่ได้ตั้งข้อสังเกตถึงการฟื้นฟูของประชากรปลาขนาดเล็ก ที่อาศัยอยู่บนผิวน้ำ ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด กลับกันพอสถานการณ์กลับมาดีขึ้น จำนวนปลาผิวน้ำก็ดูน้อยลง อย่างที่มีการพูดถึงพฤติกรรมการกินของวาฬที่เปลี่ยนไป ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นมันแสดงให้เห็นทุกค่ายิยมในการบริโภดสัตว์น้ำวัยอ่อนของผู้คน ที่มักหลงลืมคุณค่าที่จะได้รับจากระบบนิเวศ
ชนิดที่น่ากังวล…
อาหารจาก ‘ทะเล’ และภาวะแห่งความ ‘ยั่งยืน’
‘ต่อจันทน์ แคทริน บุญยสิงห์’ หรือ เชฟเช้า ร้าน bite my softly มองว่าการใช้สัตว์น้ำวัยอ่อนในการประกอบอาหาร เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอยู่แล้ว แต่สิ่งที่น่าเสียใจกว่าการที่มีคนบริโภค ‘ลูกปลา’ คือการใช้ ‘อวนลากแบบตาถี่’ เพราะจะมีลูกปลาหลายชนิดที่เราไม่ได้บริโภคติดไปกับอวนด้วย หลายชีวิตต้องถูกคัดทิ้งไปอย่างไร้ค่า ทั้งๆ ที่อาจมีโอกาสเติบโตสร้างมูลค่าให้กับวงการอาหารในอนาคตได้อีกมากมาย
“ในฐานะคนปรุง (อาหาร) เราเสียดายวัตถุดิบ อย่างลูกปลาอินทรี ถ้าเราใช้อวนตาถี่จับ แทนที่มันจะได้โตเป็นปลาตัวใหญ่ๆ สามารถกินได้หลายคน หรือสามารถทำอาหารอร่อยได้หลายเมนู แต่กลับกลายเป็นอาหารสัตว์ซึ่งแทบไม่ได้อะไรเลย มันคือความคุ้มค่าที่เสียไป ชนิดที่มนุษย์ไม่เคยคำนึงถึงหลักความยั่งยืนเลย”
ในฐานะเชฟ ต่อจันทร์มองอีกมุมว่า หากมนุษย์บริโภคสัตว์น้ำวัยอ่อน อาจส่งผลต่อวงการอาหารในระยะยาว โดยเฉพาะเรื่องของการลดจำนวนวัตถุดิบที่มีคุณภาพในอนาคต โดยส่วนตัวเป็นเชฟที่พยายามใช้วัตถุดิบภายในประเทศ ก็อาจทำให้ความสนุกในการรังสรรค์วัตถุดิบ และการเลือกสรรชนิดพันธุ์ปลาเต็มวัยในการประกอบอาหารน้อยลงไปด้วย
อย่างกรณี ‘การหายไปของปลาทูไทย’ ก็เป็นภาวะที่แสดงถึงบางสิ่งที่กำลังจะสูญหายไปจากธรรมชาติ ซึ่งเกิดมาจากการบริโภคสัตว์น้ำวัยเด็ก มีหลายคนยังไม่เข้าใจ และตั้งคำถามย้อนกลับมาว่า ‘แล้วทำไมเราต้องกินแต่ปลาทู’ ในเมื่อมีปลาเศรษฐกิจอื่นๆ มีให้กินในท้องตลาดมากมาย ในฐานะผู้ประกอบอาหารก็รู้สึกสะเทือนใจอยู่ไม่น้อย ที่เกิดคำถามเช่นนี้จากผู้บริโภค

“เดี๋ยวนี้ตัวเลือกอาหารมันน้อยลง คนก็กินแต่แซลมอน ซาบะ หรือกระพง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นปลาเลี้ยง แต่พอเป็นปลาธรรมชาติ เขากลับไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องกิน มันอร่อยยังไง อาจเพราะปลาทูปัจจุบันก็ไม่ใช่ปลาทูไทย เขาจึงไม่เคยสัมผัสว่าปลาทูไทยแท้ๆ มันอร่อยกว่ากันยังไง จึงไม่ใส่ใจว่ามันจะอยู่หรือหายไปจากระบบนิเวศ มันจึงเป็นประเด็นที่สำคัญมากๆ ที่เราต้องสื่อสารว่ามันยังมีปลาอีกหลายชนิดที่รสชาติดี แล้วเขาควรจะอนุรักษ์มัน” – ต่อจันทน์ แคทริน บุญยสิงห์