จากกองทุนเพื่อผู้พิทักษ์ป่า ถึงมูลนิธิเพื่อผู้พิทักษ์ป่า (2)

จากกองทุนเพื่อผู้พิทักษ์ป่า ถึงมูลนิธิเพื่อผู้พิทักษ์ป่า (2)

กองทุนเพื่อผู้พิทักษ์ป่า ได้จัดตั้งขึ้นพร้อมกับการจัดตั้งมูลนิธิสืบนาคะเสถียร เพื่อสานต่อเจตนารมณ์คุณสืบ นาคะเสถียร ในเรื่องของการดูแลผู้พิทักษ์ป่า ผืนป่าใหญ่ และสัตว์ป่า ที่คุณสืบได้พยายามที่จะทำไว้สมัยมีชีวิตอยู่ หลังจากที่คุณสืบได้สละชีวิตตัวเองในวันที่ 1 กันยายน ปี 2533

ในครั้งอดีตที่คุณสืบ นาคะเสถียร เคยทำงานอยู่กรมป่าไม้ เป็นผู้ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสวัสดิภาพสวัสดิการของเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่าระดับล่างเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นลูกจ้างประจำ หรือแม้กระทั่งลูกจ้างชั่วคราวรายวันก็ตาม เนื่องจากพวกเขาต้องใช้ชีวิตอยู่กลางป่า ประจำหน่วยพิทักษ์ป่า ต้องเดินตระเวนข้ามห้วย ข้ามภู กินนอนอยู่ท่ามกลางเห็บและทาก ต้องเผชิญหน้ากับพราน คนรุกป่า ผู้ที่หวังกอบโกยเอาผลประโยชน์จากผืนป่าในด้านต่าง ๆ บางครั้งถึงกับยิงต่อสู้กัน และในขณะเดียวกันพวกเขามีรายได้เพียงเดือนละประมาณสี่พันกว่าบาท ไม่มีสวัสดิการหรือสวัสดิภาพใด ๆ ช่วยเหลือหากได้รับบาดเจ็บขณะออกไปปฏิบัติหน้าที่ อีกทั้งเงินเดือนพวกเขาตกเบิกช้ามาก

อาจารย์รตยา จันทรเทียร ประธานที่ปรึกษามูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้เล่าย้อนถึงก่อนการจัดตั้งกองทุนเพื่อผู้พิทักษ์ป่าภายใต้มูลนิธิสืบนาคะเสถียรว่าก่อนที่คุณสืบจะสละชีวิตไม่นาน ในทุกๆ ปี คุณจิระนันท์ พิตรปรีชา คุณเสกสรรค์ ประเสริฐกุล และสหายปฏิวัติที่เคยเข้าป่ามาด้วยกันจะนัดพบกันไปรำลึกความหลังในป่าปีละครั้ง ซึ่งเมื่อตอนปี 2532 ได้ไปที่ห้วยขาแข้ง พวกเขาได้ฟังบรรยายเรื่องผืนป่าและสัตว์ป่าประกอบสไลด์ที่คุณสืบถ่ายทำเองแล้วก่อเกิดความประทับใจ ทางคุณจิระนันท์ พิตรปรีชา คุณเสกสรรค์ ประเสริฐกุล และสหาย จึงได้จัดคอนเสิร์ตเสียงเรียกจากพงไพรที่หอประชุมธรรมศาสตร์ ได้เงินมาสองแสนกว่าบาทเพื่อเป็นสวัสดิการให้แก่เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า แต่คุณสืบไม่ยอมรับเงิน และกล่าวกลับมาว่า ถ้าบริจาคเช่นนี้จะต้องนำส่งกรมป่าไม้และเบิกออกมา อีกทั้งยังมีอีกหลายกิจกรรมที่อยากทำแต่เป็นกิจกรรมที่ทางการไม่อาจอนุมัติได้ ทางสหายจึงต้องไปซื้อหาเป็นสิ่งของมาบริจาคแทน ทำให้เครื่องแบบแรกเริ่มที่นำมาบริจาคนั้นเป็นสีดำ ทั้งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งที่มาของการตั้งกองทุนผู้พิทักษ์ป่า เมื่อจัดตั้งมูลนิธิสืบนาคะเสถียร

 

 

มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ก่อตั้ง 18 วันให้หลังจากที่คุณสืบสละชีวิตตนเอง ก็ได้ถือเรื่องการช่วยเหลือผู้พิทักษ์ป่าเป็นเรื่องสำคัญประการหนึ่ง จึงได้จัดตั้งกองทุนเพื่อผู้พิทักษ์ป่าขึ้น มีวัตถุประสงค์เพื่อดูแลเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ซึ่งโดยมากผู้พิทักษ์ป่าที่จะเสียชีวิตจะเป็นเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าระดับล่าง เนื่องจากการเดินลาดตระเวนดูแลรักษาป่าและสัตว์ป่า ไม่ว่าจะถูกยิง ถูกทำร้าย หรือประสบอันตรายจากสัตว์ป่า

ซึ่งกองทุนเพื่อผู้พิทักษ์ป่ามีบทบาทในการดูแลช่วยเหลือผู้พิทักษ์ป่าทั่วทั้งประเทศ ไม่ใช่เฉพาะแค่ที่ผืนป่าตะวันตก โดยจำนวนเงินของกองทุนผู้พิทักษ์ป่าได้รับมาจากสาธารณชนทั่วประเทศที่ร่วมสมทบเข้ามา เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่พิทักษ์ป่า อีกทั้งยังทำให้กองทุนนี้สามารถทำหน้าที่ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์

อย่างไรก็ตาม 28 ปี ที่ได้จัดตั้งกองทุนเพื่อผู้พิทักษ์ป่าขึ้นมา มูลนิธิสืบนาคะเสถียรยังคงดำเนินการตามยุทธศาสตร์อย่างต่อเนื่อง โดยจะช่วยเหลือครอบครัว หรือบุตรธิดา ของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่สละชีวิตเพื่อรักษาป่าและสัตว์ป่า ให้ได้รับการศึกษาจนถึงระดับอุดมศึกษา พร้อมช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการทำพิธีศพ หรือดูแลเมื่อเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่าได้บาดเจ็บต้องรักษาตัว รวมถึงการออกไปเยี่ยมผู้พิทักษ์ป่าที่บาดเจ็บและเยี่ยมเยียนครอบครัว ทั้งนี้กองทุนเพื่อผู้พิทักษ์ป่ายังสนับสนุนด้านอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าด้วย

ซึ่งในครึ่งปี 2561 ที่ผ่านมา มีครอบครัวของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตอยู่ในความดูแลของกองทุนผู้พิทักษ์ป่าทั้งหมด 7 ครอบครัว โดยในจำนวนนี้มีเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่าเสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ 2 ราย ในส่วนของการดูแลนั้นทางกองทุนผู้พิทักษ์ป่าจะมอบเงินจำนวน 1,000 บาท สำหรับเป็นทุนการศึกษาแก่บุตรธิดาของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าในทุก ๆ เดือน และพร้อมช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการทำพิธีศพรายละ 20,000 บาท

และตลอดระยะเวลา 28 ปี ของการก่อตั้งกองทุนเพื่อผู้พิทักษ์ป่า มูลนิธิสืบนาคะเสถียรได้ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือผู้พิทักษ์ป่าที่ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยกว่า 70 ราย ช่วยเหลือครอบครัวผู้พิทักษ์ป่าที่เสียชีวิตกว่า 100 ราย และช่วยเหลือการศึกษาแก่บุตรธิดาของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่เสียชีวิต จนถึงระดับปริญญาตรีไม่น้อยกว่า 50 ราย รวมให้ความช่วยเหลือแล้วไม่ต่ำกว่า 2,430,000 บาท

 

 

มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ยังมีเป้าหมายสำคัญอีก 2 ประการ คือ ผลักดันให้ส่วนราชการเข้ามารับผิดชอบในส่วนนี้ให้มากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีที่ในวันนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ขานรับแนวคิดนี้ และได้ก่อตั้งมูลนิธิผู้พิทักษ์ป่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทางมูลนิธิสืบนาคะเสถียรก็ได้มีแผนงานที่เพิ่มขึ้นมา คือ การติดตามงานของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในส่วนของเรื่องที่เกี่ยวกับมูลนิธิผู้พิทักษ์ป่า

ส่วนเป้าหมายอีกเรื่อง คือ ผลักดันให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกรมอุทยานฯ หรือฝ่ายตำรวจ เร่งจัดการกับผู้กระทำความผิด และผู้อยู่เบื้องหลังโดยเร็ว ก็เป็นสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างพยายามเร่งดำเนินการกันอย่างถึงที่สุด

 


บทความ ณัฐสุมญชุ์ โภชะ นักศึกษาฝึกงาน