25 เมษายน 2561
นายเปรมชัย กรรณสูต ผู้บริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด เปิดปากให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอีกครั้ง หลังปิดปากเงียบ และตอบปฏิเสธข้อกล่าวหามาตลอด
การตอบคำถามสื่อมวลชนครั้งมีขึ้นหลังการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 ของบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์
นายเปรมชัยกล่าวแก่ผู้สื่อข่าวว่า
“ผมไม่ได้ทำ ผมก็ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็ได้โทรสอบถามทุกกรมทุกกระทรวงก็มีแต่คนเห็นใจผม”
“วันนั้น ผมไปถึงเย็นวันเสาร์ ผมก็ไปนอน ตื่นเช้ามาก็เข้าไปทุ่งใหญ่และถูกจับในตอนเย็น และโดนกักขัง 2 วันสองคืน ติดต่อใครไม่ได้ เพราะถูกยึดโทรศัพท์ พอออกมาก็เจอกับนักข่าวเป็นร้อย ส่วนภาพที่ออกมาก็ออกไปหมดแล้ว คิดว่าป่าไม้คงเป็นคนส่ง”
ต่อเรื่องนี้ปฏิกิริยาสังคมแสดงออกอย่างไร มูลนิธิสืบนาคะเสถียร รวบรวมความเห็นต่อคำสัมภาษณ์ดังกล่าว มาไว้ ณ ทีนี้
คู่ชกแรก นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร
หลังทราบรายละเอียดข้อความ นายศศิน ได้ทยอยโพสต์ข้อความตั้งคำถามถึงประเด็นคำพูดที่ออกมาจากปากนายเปรมชัยไว้ ดังนี้
25 เมษายน 2561
จากสิ่งที่เขาปฏิเสธว่า “ผมไม่ได้ทำ ผมก็ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็ได้โทรสอบถามทุกกรมทุกกระทรวงแล้ว ก็มีแต่คนเห็นใจ”
ผมอยากถามคนในทุกกรมที่เขาโทรไปถาม ว่าถามใคร และใครไปเห็นใจอะไรเขา ใครเห็นใจเขาก็ออกมาสิ ออกมาแสดงความเห็นใจ ผมอยากฟัง
ผมว่ามันชัดว่าเขามั่นใจในคอนเนคชั่นของเขา และยังมั่นใจในสิ่งที่ทนายความเตรียมทางสู้ในด้านเทคนิคกฏหมายในกระบวนการที่ผ่านมาเมื่อสองเดือนกว่าๆ
ถ้าเขาไม่ทำจริง และใครทำ ลูกน้องสามคนทำ คุณกล้าบอกไหมละ ว่าเหตุการณ์ลูกน้องคุณทำเขาทำอะไรอย่างไรเมื่อไหร่ ใครยิง เขาจะไม่เล่าให้คุณฟังเลยหรือไง
แล้วไง คุณพาลูกน้องเข้าป่า เอาปืนคุณไปเพียบ ลูกน้องลักปืนไปยิง คุณก็อธิบายความออกมาให้ละเอียดสิ เอาเลย
เรารอฟังคุณเล่า….. เราจะตัดสินเองว่าเราจะเชื่อคุณไหม?
เล่าสิ รออะไร ผมจะรอฟังลูกน้องคุณเล่าด้วย ผมจะมองตาเขา ว่าเขารู้สึกอย่างไร?
จากสิ่งที่เขาปฏิเสธว่า "ผมไม่ได้ทำ ผมก็ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็ได้โทรสอบถามทุกกรมทุกกระทรวงแล้ว ก็มีแต่คนเห็นใจ"…
Posted by ศศิน เฉลิมลาภ on Wednesday, 25 April 2018
26 เมษายน 2561
ก็ธรรมดาที่เขาต้องปฏิเสธแบบนี้ “เดา” เอาว่าที่เขาพูดแบบนี้เพราะ
1. มีคนให้ข้อมูลว่าพอช่วยได้ และรับปากจะช่วย
2. ฝ่ายกฏหมายของเขามีแผนสู้ และได้ดำเนินการตามแผนมาตั้งแต่ต้น
3. การที่คุณเปรมชัย ยังสู้ ไม่รับสารภาพ อาจจะโดนถูกทำให้เชื่อ ตามสองข้อแรก เพราะถ้าคุณเปรมชัยยังเชื่อว่าสู้ได้ หมายความว่า ก็ยังมีการลงทุนทุ่มเท ให้คนช่วย ซึ่งจริงๆ อาจจะสู้ไม่ได้ก็ได้
เดานะครับ ล้วนๆ
ก็ธรรมดาที่เขาต้องปฏิเสธแบบนี้ "เดา" เอาว่าที่เขาพูดแบบนี้เพราะ1. มีคนให้ข้อมูลว่าพอช่วยได้ และรับปากจะช่วย2….
Posted by ศศิน เฉลิมลาภ on Wednesday, 25 April 2018
27 เมษายน 2561
ผมว่าเขาก็ต้องกังวลนะ แต่พยายามเชื่อว่า “คงไม่โดนหลอกกินฟรี”
ในชีวิตเขามีคนรอบตัวที่ไม่หวังผลประโยชน์จากเงินเขาไหม
ผมไม่รู้ ผมไม่รู้จักเขา
คนที่หวังดีกับเขาจริงๆ จะมีไหมที่ให้เขาถูแถไปเพื่อหวังว่าเป้าหมายที่จะไม่ติดคุกตามเทคนิคกฏหมายจะทำงาน แล้วมีชีวิตต่อไปแบบหมดศักดิ์ศรีในสังคม และแบกความเชื่อว่ามีเงินเท่านั้นที่ทำให้มีชีวิตรอดไปตามสัญชาตญาณ
เป้าหมายแบบนี้ของเขา ย่อมต้องจ่ายให้คนที่ช่วยเหลือเขา ร่ำรวยขึ้นเรื่อยๆ และเกาะกินความผิดบาปกันอีกตลอดไป
เขามีคนหวังดีจริงๆกับเขาไหม ให้เขาเข้าใจความผิดของตัวเอง แก้ไขปัญหาโดยการยอมรับมันว่าผิดไปแล้ว
และโทษทัณฑ์ทางกฏหมายก็ไม่ใช่เรื่องถึงขั้นเสียอะไรไปทั้งชีวิต
รวมถึงมีโอกาสกลับตัว คิดได้มาทำประโยชน์ และก้าวสู่ชีวิตอีกฟากฝั่งในการเสียสละ ทำประโยชน์ต่อส่วนรวม
เปลี่ยนความสุขของชีวิตจากการทำผิดกฏหมายไปยิงสัตว์ป่า เป็นความสุขโดยการไปสนับสนุนรักษามันให้อยู่
ผมเสียดายโอกาสนะ ที่ชีวิตเสือดำตัวนั้น จะเปลี่ยนฟากชีวิตเขาให้ก้าวพ้นชีวิตฟากผิดมาอยู่ฟากถูก
โอกาสแบบนี้ ไม่มีมาบ่อยนะ ถ้าเขาปล่อยผ่านไป ไม่น่าจะมีโอกาสอีก
ไม่ว่าจะรับโทษ หรือ ไม่รับโทษก็ตาม
ชีวิตเขามีเพื่อนบ้างไหม เพื่อนในความหมายที่แท้จริง?
ผมว่าเขาก็ต้องกังวลนะ แต่พยายามเชื่อว่า"คงไม่โดนหลอกกินฟรี"…
Posted by ศศิน เฉลิมลาภ on Thursday, 26 April 2018
28 เมษายน 2561
สิ่งที่คุณเปรมชัยคิด คือ มูลค่างานประมูลของหน่วยงานราชการที่เขามีผลประโยชน์ เขาถึงถามไปที่ผลประโยชน์ของเขาว่ายังดีอยู่ไหม เช็คอารมณ์และสายสัมพันธ์ ที่น่าจะลึกกว่านั้น คือเช็คสัญญาณจากรัฐบาลว่ายังเอาเขาอยู่หรือไม่ ผ่านข้าราชการกระทรวง กรม ที่เขาโทรหา
เขาพูดเพื่อทำงานของเขา หน้าที่ที่ทำให้มูลค่าของหุ้นในตลาดยังมีความมั่นใจว่ากิจการยังน่าจะดำเนินไปด้วยดี
สิ่งที่เขาตกใจ เขาคงตกใจจริงๆ ว่ากะอีแค่ยิงเสือในป่าแค่นี้ (เขาอาจจะเคยทำมาแล้ว แต่ไม่มีหลักฐาน) ทำไมเป็นเรื่องใหญ่ และทำไมเรื่องแค่นี้จึงเคลียร์กับเจ้าหน้าที่ราชการ (ที่เขาถนัดมากในการเจรจาต่อรอง) ไม่ได้
สิ่งที่เขาตกใจกว่า คือปฏิกิริยาของสังคมที่พร้อมกันแสดงออกว่า เขาทำผิด
บริษัทอิตาเลียนไทยรับเหมางานพัฒนาที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากมาย แลกกับความเจริญทางวัตถุของพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นเขื่อนใหญ่ เหมืองแร่ ถนนผ่านป่า แต่นั่นก็ทำไปตามการอนุญาตของรัฐไม่ว่าจะเป็นประเทศไทย หรือ ประเทศรอบๆ คุณเปรมชัยคงชินว่าการทำลายสิ่งแวดล้อมตามอาชีพผู้รับเหมาของเขาคงได้อนุญาตจนชิน ดูจากคำสัมภาษณ์ของเขาในวันแรกๆที่เกิดเรื่อง ว่าเขาเข้าไปโดยได้รับอนุญาต ถูกต้อง
การยิงเสือดำในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ผิดกฏหมายชัดเจน
แต่ที่ผิดกว่าคือการทำลายน้ำใจผู้เกี่ยวข้องที่เป็นลูกจ้าง อดีตข้าราชการใหญ่ในกรมอุทยาน ที่ต่อสายไปขออนุญาตให้นายตัวเองเข้าไปเที่ยวป่ากับสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า เหมือนเราบอกเพื่อนว่าขอให้เจ้านายเราไปเที่ยวบ้านหน่อย แต่เขามาขโมยของ หยาบคาย ขี้ไว้กลางบ้าน แสดงออกถึงความเถื่อนถ่อย ไม่มีมารยาทอย่างไม่น่าเชื่อว่าเป็นคนมีฐานะทางสังคมมาขนาดนี้ (ในกรณีที่เขาไม่รู้ว่าเจ้านายมีพฤติกรรมแบบนี้มาก่อน)
แต่ที่ผิดที่สุดคือการออกมาปฎิเสธความผิด เตรียมให้ลูกจ้างอีกสามคนเป็นแพะรับบาป ต่อสู้ให้รอดพ้นความผิดด้วยเทคนิคกฏหมายผ่านการจ้างทนายความที่ว่าผิดเป็นถูก ผ่านการขอแลกผลประโยชน์กับความช่วยเหลือเพื่อให้ได้ไปถึงเป้าหมายนั้น ผิดที่สุดคือตั้งใจทำลายสังคม ให้สังคมเห็นว่าคนรวยทำผิดไม่ต้องติดคุก มีคนขายชีวิตแลกเศษเงิน ทำลายความตั้งใจรักษาป่าของเจ้าหน้าที่ทุ่งใหญ่ ทำลายความถูกต้องของกระบวนการยุติธรรม
วันที่ 5 พ.ค. นี้ เจอกันที่ตลาดนัดคนรักษ์ป่า มาคุยกันว่า เราจะยอมให้คนอย่างคุณเปรมชัยทำลายบรรทัดฐานของสังคมต่อไปไหม
สิ่งที่คุณเปรมชัยคิด คือ มูลค่างานประมูลของหน่วยงานราชการที่เขามีผลประโยชน์…
Posted by ศศิน เฉลิมลาภ on Friday, 27 April 2018