12 ธ.ค.62 ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษา (ศาลจังหวัดทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี) เพิ่มโทษนายเปรมชัย กรรณสูต จำคุก 2 ปี 14 เดือน (ไม่รอลงอาญา) นายยงค์ โดดเครือ จำคุก 2 ปี 17 เดือน (ไม่รอลงอาญา) นางนที เรียมแสน จำคุก 1 ปี 8 เดือน ปรับเงิน 40,000 บาท แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี และนายธานี ทุมมาศ จำคุก 2 ปี 21 เดือน (ไม่รอลงอาญา) นายเปรมชัย กับพวกรวม 4 คน ได้ประกันตัวคนละ 1 ล้านบาท พร้อมการติดกำไลข้อเท้า EM และเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศระหว่างการยื่นฎีกา
13 ม.ค.63 นายเปรมชัย กรรณสูต จำเลยที่ 1 เดินทางมายังศาล เพื่อยื่นคำร้องขอต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิ พิจารณาอนุญาตให้ถอดกำไล EM ติดตามตัวซึ่งใส่อยู่ที่ข้อเท้าด้านขวาของนายเปรมชัย ศาลพิจารณาคำร้องแล้วไม่อนุญาตให้ถอด
7 ก.พ.63 พนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ โจทก์ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิ ขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาครั้งที่ 2 เป็นเวลา 1 เดือนถึง 11 มี.ค.63 เนื่องจากอธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 7 ต้องรอผลการส่งสำนวนไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (ผบช.ภ.7) เพื่อพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145/1 เมื่อช่วงปลายเดือน ม.ค.63 โดยศาลได้อนุญาตให้อัยการโจทก์ ขยายเวลายื่นฎีกาครั้งที่ 2 จนถึงวันที่ 11 มี.ค.63
11 มี.ค.63 นายเปรมชัย จำเลยที่ 1,2 และ 4 ได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิ เพื่อขอขยายระยะเวลายื่นฎีกา เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งจากเดิมเมื่อต้นเดือน ก.พ.2563 ที่ผ่านมา นายเปรมชัย จำเลยที่ 1 พร้อมพวกได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิ ขอขยายเวลาการยื่นฎีกาครั้งที่ 2 ซึ่งศาลอนุญาตให้ขยายเวลาถึงวันที่ 11 มี.ค.63 ส่วนการขอขยายระยะเวลาการยื่นฎีกาเป็นครั้งที่ 3 นี้ ศาลพิจารณาให้ขยายได้ถึงวันที่ 10 เม.ย.นี้
12 มี.ค.63 พนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ โจทก์ ได้เดินทางไปยืนยันต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิว่า อัยการโจทก์ ไม่ฎีกาคดี
โดยนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาฎีกาคดีร่วมกันล่าเสือดำ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เพิ่มโทษจำคุกโดยไม่รอลงอาญา นายเปรมชัย กรรณสูต และพวกรวม 4 คน ว่า พนักงานอัยการได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาฎีกา ซึ่งครบกำหนดการขยายเวลาฎีกาของอัยการในวันที่ 12 มี.ค. โดยจากการตรวจสอบกับอธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 7 ได้พิจารณาประเด็นเหตุผล รวมทั้งบทลงโทษที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำพิพากษาแล้ว เห็นว่าครบถ้วนตามที่อัยการฟ้อง จึงมีความเห็นไม่ยื่นฎีกาอีก ซึ่งตามขั้นตอนก็ได้ส่งความเห็นนี้ไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (ผบช.ภ.7) เพื่อพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145/1 เมื่อช่วงต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา โดย ผบช.ภ.7 ได้ส่งความเห็นกลับมาแล้วว่า เห็นตรงตามอัยการ ดังนั้นความเห็นจึงเป็นที่ยุติแล้วว่าไม่ฎีกาเกี่ยวกับผลคดีดังกล่าวอีกต่อไป
โดยเมื่อเข้าสู่ขั้นตอนการยื่นฎีกาของจำเลย อัยการโจทก์ก็จะพิจารณาแก้ประเด็นฎีกาซึ่งเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนต่อไป
มารอลุ้นกันต่อว่าวันที่ 10 เม.ย. ที่จะถึงนี้ จำเลยทั้ง 4 จะยื่นฎีกาหรือไม่อย่างไร