ความคืบหน้าคดีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับพวก 4 คน หลังทนายของนายเปรมชัยได้เลื่อนนัดสอบปากคำเป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม เป็นวันที่ 5 มีนาคม ซึ่งจะครบ 1 เดือนหลังนายเปรมชัยได้ประกันตัวต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิ
5 มี.ค. ไม่มารายงานตัวจะออกหมายจับ
27 ก.พ. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนว่า การออกหมายเรียกให้นายเปรมชัย มาให้ปากคำในวันที่ 5 มี.ค.นี้ ที่สภ.ทองผาภูมิ หากนายเปรมชัยไม่เดินทางมา ทางพนักงานสอบสวนจะรายงานศาลให้ทราบพร้อมขอให้ศาลพิจารณาออกหมายจับ เนื่องจากเป็นการขัดหมายเรียกครั้งที่ 2 ระหว่างได้รับการประกันตัว
นอกจากนี้ รองผบ.ตร.ยังกล่าวอีกว่า มั่นใจสามารถสรุปสำนวนคดีล่าสัตว์ป่าฯและข้อหาอื่นๆรวม 9 ข้อหา ให้พนักงานอัยการได้ก่อนครบกำหนดฝากขังครั้งที่ 4 ในวันที่ 24 มี.ค.นี้แน่นอน
หลักฐานยังไม่พอเอาผิดเรื่องติดสินบน
อย่างไรก็ตามในส่วนประเด็นที่จะมีการเพิ่มข้อหา เรื่อง การติดสินบนนั้น พ ต.อ.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ รองผู้บังคับการปราบปรามการการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ เนื่องจากคลิปเสียงที่ปรากฏไม่ใช่เสียงของ นายเปรมชัย และเนื้อหาเป็นการสนทนาทั่วไป โดยมีนายยงค์ โดดเครือ 1 ใน 4 ในผู้ต้องหาสนทนากับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และนายปิยะพงษ์ สืบเสน เจ้าหน้าที่เป็นผู้บันทึกเสียงไว้
โดยในวันที่ 8 มี.ค.นี้ จะเชิญนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก กับพยานอีก 5 คน มาให้ปากคำเพิ่มเติม และจะประชุมสรุปว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ในวันที่ 12 มี.ค.นี้
ยังไม่ชัดเจนเปรมชัยยิงสัตว์ป่า
ส่วนความคืบหน้าด้านหลักฐานอื่นๆ นั้น ด้านอาวุธปืนที่พบในที่เกิดเหตุ ผลการตรวจซากเสือดำพบว่ามีรอยถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด 20 มม. พบรอยที่ซากเสือดำ จำนวน 8 รอย ซึ่งตรงกับกระสุนปืนจากปืนที่พบในที่เกิดเหตุ ซึ่งปืนกระบอกดังกล่าวพบดีเอ็นเอของนายเปรมชัยที่โก่งไกรปืน แต่ยังยืนยันไม่ได่ว่าเป็นการยิงจากปืนขนายเปรมชัยหรือไม่
แจ้งข้อหามีปืนเถื่อนเพิ่ม
ส่วนอาวุธปืนที่ตรวจพบจากบ้านนายเปรมชัย ซึ่งเป็นสำนวนที่แยกออกมาจากสำนวนคดีลักลอบล่าสัตว์ป่า อยู่ระหว่างการประสานเพื่อแจ้งข้อหาดังกล่าวเพิ่มเติม เนื่องจากพบว่า ปืนจำนวน 6 กระบอก จากทั้งหมด 43 กระบอก ที่ยึดได้จากบ้านพักของ นายเปรมชัย เป็นปืนที่มีทะเบียนแต่นายทะเบียนไม่สามารถจดทะเบียนครอบครองได้ 1 กระบอก เป็นปืนประกอบเอง 1 กระบอก ส่วนที่เหลือ 4 กระบอก เป็นปืนที่ไม่พบการจดทะเบียน และไม่มีหลักฐานการขออนุญาตครอบครอง ซึ่งจะตรวจสอบประวัติการจดทะเบียนกับกระทรวงมหาดไทยอีกครั้ง
เจออีกข้อหา ครอบครองงาช้างแอฟริกา
ในส่วนของงาช้างจำนวน 4 กิ่ง ที่ตรวจยึดได้ที่บ้านพักของนายเปรมชัย ทีมปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช แจ้งว่า ตรวจสอบสารพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ) เรียบร้อยแล้ว
โดยพบว่าเป็นงาช้างแอฟริกาทั้ง 2 คู่ ซึ่งถือว่ามีความผิดตาม มาตรา 19 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ที่ห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง ซากของสัตว์ป่าสงวน หรือซากของสัตว์ป่าคุ้มครอง มีโทษสูงสุดจำคุก 4 ปี ปรับ 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
และจากการตรวจสอบการขึ้นทะเบียนงาช้างตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ฉบับแก้ไขปี 2557 มีผลบังคับใช้ กำหนดให้ผู้ที่มีงาช้างแอฟริกาในการครอบครอง ต้องแจ้งการครอบครองกับกรมอุทยานฯ ตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด แต่ปรากฎว่านายเปรมชัยไม่ได้แจ้งครอบครองงาช้างแอฟริกาตามกฎหมายดังกล่าว แต่กลับนำงาช้างทั้ง 2 คู่ไปแจ้งครอบครองตามพ.ร.บ.งาช้าง พ.ศ.2558 ซึ่งกำหนดให้ผู้ครอบครองงาช้างบ้านเท่านั้น นำงาช้างในครองครองมาขึ้นทะเบียนกับกรมอุทยานฯ ดังนั้นนายเปรมชัยจึงอาจจะมีความผิดตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองฯ ดังกล่าว
อนึ่ง วันนี้ (28 ก.พ.) จะมีการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามคดีลักลอบล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่ 12 คนนัดแรก ที่มีนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นประธาน และมี พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี รวมทั้งกรรมการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เป็นที่ปรึกษา มาร่วมประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี รวมทั้งตรวจสอบสำนวนพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อให้คดีมีความรัดกุมรอบคอบ
อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกรณี ซีอีโออิตาเลียนไทยล่าสัตว์ในป่าทุ่งใหญ่นเรศวรในเว็บไซต์มูลนิธิสืบนาคะเสถียร
ร่วมลงชื่อ “ดำเนินคดีกับผู้ล่าสัตว์ในเขตอุทยานฯ ต้องโปร่งใส และมีมาตรฐานแบบเดียวกันทุกคดี”
ในวันที่ 5 มีนาคมนี้ ติดตามชมการถ่ายทอดสด มูลนิธิสืบนาคะเสถียรออกแถลงการณ์มวงถามความคืบหน้าคดี และวิเคราะห์รูปคดีได้ทาง facebook.com/SeubNakhasathienFD