ทรัมป์ยืนยันว่าสหรัฐจะถอนตัวลาออกจาก Paris Agreement หรือ ข้อตกลงปารีส อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นข้อตกลงที่ประเทศต่างๆทั่วโลก 195 ประเทศ มีเป้าหมายเพื่อความร่วมมือที่จะช่วยกันลดก๊าซเรือนกระจก ช่วยโลกจากภาวะโลกร้อน โดยคุมอุณหภูมิไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส
เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2562 ในงานประชุมด้านพลังงาน ณ เมืองPittsburgh ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะถอนอเมริกาออกจากข้อตกลงปารีส โดยอธิบายว่าข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อตกลงที่ไม่ดี และกล่าวว่านโยบายเชื้อเพลิงฟอสซิลของเขาจะทำให้สหรัฐฯเป็นมหาอำนาจด้านพลังงาน ทรัมป์สามารถส่งจดหมายลาออกจากข้อตกลงปารีสอย่างเป็นทางการได้วันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 การลาออกสามารถใช้ได้อย่างสมบูรณ์ในปี 2020
ทรัมป์กล่าวว่า ข้อตกลงปารีสจะทำให้บริษัทต่างๆของสหรัฐต้องปิดตัวลงเพราะข้อจำกัดต่างๆที่มากเกินไป ในขณะที่บริษัทต่างชาติยังคงสามารถเดินหน้าได้ต่อไป พร้อมทั้งย้ำว่าการปฏิบัตินโยบาย “สหรัฐต้องมาก่อน” มีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาวอเมริกันและไม่สนับสนุนประเทศที่ก่อปัญหามลภาวะสิ่งแวดล้อม
ก่อนหน้านี้ บารัค โอบามา ประธานธิปดีสหรัฐฯ คนก่อน เคยให้คำมั่นสัญญาว่า เขาจะทำตามข้อตกลงปารีสเพื่อที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้มากถึง 28% จากปี ค.ศ.2005 ก่อนปี ค.ศ. 2025 เพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อน
ทรัมป์กำลังพยายามจะรื้ออุตสาหกรรมถ่านหินให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง และเมื่อปี 2018 ปริมาณการปล่อยก๊าซกลับเพิ่มขึ้นมา 2.7% และการประชุมระดับโลก G7 ที่จะมาถึงนี้จะไม่มีการพูดคุยถึงปัญหาโลกร้อน
การถอนตัวของทรัมป์จะทำให้การประชุมอื่นๆของนักการทูตสหรัฐฯเป็นเรื่องยุ่งยากขึ้น โดยอาจจะต้องให้เวลาอีกสักระยะที่จะทำให้นโยบายทางการทูตกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง แอนดรูว์ ไลท์ อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศในรัฐบาลของโอบามากล่าว
แผนการของทรัมป์จะสำเร็จหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่าเขาจะได้เป็นประธานาธิบดีอีกสมัยต่อหรือไม่ในปี 2020 ( ซึ่งนักวิเคราะห์หลายคนคาดว่าทรัมป์จะชนะการเลือกตั้งสมัยที่ 2)