สืบเนื่องจากสัปดาห์ก่อนผมได้เสนอบทความเกี่ยวกับการปลูกสวนบนหลังคา ครั้งนี้ก็ยังจะคงธีมเดิมไว้นิดหน่อย เพราะว่าครั้งนี้จะเป็นบทความเกี่ยวกับการติดแผงโซล่าเซลล์ไว้บนหลังคา มันจะช่วยจริงไหม จะประหยัดไฟลงได้จริงหรือเปล่า
จากการศึกษาในอเมริกาพบว่า ถ้าติดแผงโซล่าเซลล์ไว้ทุกจุดบนหลังคาที่มีพื้นที่ติดได้ ในเวลา 1 ปีจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 1,118 กิกะวัตต์ คิดเป็นพลังงานถึง 40% ที่ใช้ในอเมริกาในแต่ละปี นั่นยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของความสามารถที่จะทำได้ การศึกษานี้ประเมินศักยภาพการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (PV) แค่พื้นที่บนดาดฟ้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน แต่ยังไม่ได้คำนวณถึงศักยภาพมหาศาลของเซลล์แสงอาทิตย์ที่จะสามารถติดตั้งบนที่ว่างบนพื้น
“การผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จริง ๆ แล้วอาจจะผลิตได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ถ้าเราติดไว้ในบางพื้นที่ที่ตอนแรกไม่สามารถติดได้ เช่น ลานจอดรถกลางแจ้ง เราสามารถทำหลังคาที่เป็นโซล่าเซลล์ได้ หรือติดไว้บนพื้นที่ว่างข้างตึก แต่ถึงอย่างไรก็ตามจะผลิตได้มากน้อยเท่าไรก็ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของอุปกรณ์ด้วย ซึ่งได้มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง” กล่าวโดย Robert Margolis นักวิเคราะห์พลังงานระดับสูงของ National Renewable Energy Laboratory (NREL)
ในการศึกษาครั้งนี้ได้ค่าตัวเลขเพิ่มถึงสองเท่าจากงานศึกษาครั้งก่อนในปี พ.ศ.2551 โดย NREL ที่ได้ประเมินว่าจะสามารถผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ได้ 664 กิกะวัตต์ Robert Margolis และเพื่อนร่วมงานของเขาได้กล่าวว่า ที่สามารถผลิตเพิ่มขึ้นได้เยอะขนาดนี้เป็นเพราะว่าประสิทธิภาพของอุปกรณ์นั้นถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อยอยู่เรื่อย ๆ การคำนวณพื้นที่ที่ติดได้มีความแม่นยำมากขึ้น มีปริมาณตึกถูกสร้างมากขึ้น และวิธีการที่ดีขึ้นในการคำนวณประสิทธิภาพของเซลล์แสงอาทิตย์ในการศึกษาครั้งนี้ใช้เวลา 3 ปีในการทำงาน ทีมงานได้ใช้ข้อมูลจาก light detection and ranging (LIDAR) และระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) เพื่อทำแผนที่เมืองต่าง ๆ ในอเมริกาเป็นจำนวน 128 เมือง โดยมีความละเอียดถึงหน่วยตารางเมตร ทำให้พวกเขาสามารถวัดจำนวนพื้นที่ที่เหมาะสมในกาติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ หลังจากนั้นจึงใช้แบบจำลอง จำลองความสามารถในการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงจากพื้นที่ที่วัดได้เพื่อคาดการณ์พลังงานไฟฟ้าที่จะผลิตได้ทั่วประเทศ ในรายงานการศึกษาได้จัดอันดับเมืองที่มีความศักยภาพพื้นที่ที่จะผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงได้โดยอันดับหนึ่งคือเมือง Mission Viejo รัฐ California ด้วยคะแนนศักยภาพในการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสง 88% อันดับสองคือเมือง Concord รัฐ New Hampshire ด้วยคะแนนศักยภาพในการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสง 72% อันดับสามคือเมือง Buffalo รัฐ New York ด้วยคะแนนศักยภาพในการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสง 68%
6 รัฐที่ได้ถูกจัดอันดับว่ามีศักยภาพในการผลิตไฟฟ้ามากที่สุดล้วนแต่เป็นรัฐที่มีการใช้พลังงานไฟฟ้าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ทีมงานจึงได้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญสำหรับรัฐที่ต้องการจะผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงใช้ว่าควรจะมีนโยบายการประหยัดพลังงาน และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วย ทุกวันนี้พลังงานของเราที่ใช้ก็ได้เริ่มจะมีน้อยลงเรื่อย ๆ มิหนำซ้ำการใช้พลังงานในบางรูปแบบยังส่งผลกระทบให้เกิดภาวะโลกร้อนอีกด้วย ทุกวันนี้เราจึงต้องช่วยกันประหยัด ลดการใช้ทุกอย่างที่ไม่จำเป็น และช่วยกันสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะมาช่วยแก้ปัญหาวิกฤตการณ์พลังงาน และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก
ปลูกต้นไม้บนชั้นดาดฟ้าช่วยลดความร้อนในเมืองได้ 3-4 องศาเซลเซียส