บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ไม่ได้มีความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนผ่านจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลสู่พลังงานสะอาดอย่างจริงจัง แม้ว่าภาพลักษณ์ที่บริษัทต้องการให้สาธารณชนเห็นจะเป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม อ้างอิงจากรายงานโดยคณะกรรมการกำกับดูแลสภาผู้แทนราษฎรเดโมแครต
คณะกรรมการดังกล่าวระบุว่าบริษัทเชลล์ เชฟรอน บีพี สถาบันน้ำมันอเมริกัน (American Petroleum Institute) ต่างลงทุนเพิ่มในโครงการที่สะท้อนให้เห็นว่าจะปกป้องและหนุนเสริมการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในอนาคตเกินกว่าช่วงเวลาที่นักวิทยาศาสตร์ระบุว่าจะต้องหยุดปล่อยแก๊สเรือนกระจกเพื่อป้องกันโลกจากวิกฤติภูมิอากาศ’ ถึงแม้ว่าบริษัทเหล่านั้นจะให้คำมั่นแล้วก็ตาม
“สิ่งที่พวกเขาทำไม่ต่างจากการบอกว่า ‘เราจะเพิ่มกำลังการผลิต เราจะปล่อยแก๊สเรือนกระจกเพิ่มขึ้น แต่ในขณะเดียวกันเราก็จะอ้างตัวว่าเป็นบริษัทเทคโนโลยีพลังงานสะอาด เป็นบริษัทที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะเราได้แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่าเป็นหนึ่งในแนวร่วมที่รับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ’” Ro Khanna สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและหนึ่งในคณะกรรมการระบุ “การกระทำหน้าไหว้หลังหลอกนี้น่าประทับใจอย่างยิ่ง และนับว่าโชคร้ายที่กลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ดังกล่าวประสบความสำเร็จอย่างสูง”
จากเอกสารภายในที่เปิดเผยโดยสำนักข่าว NBC News พบว่าบริษัทน้ำมันคาดการณ์ว่าจะได้ผลตอบแทนก้อนใหญ่จากการลงทุนโครงการเชื้อเพลิงฟอสซิล เอกสารภายในฉบับหนึ่งจากเชฟรอนระบุว่าจะได้ผลตอบแทนมูลค่าสูงถึง 200 พันล้านดอลลาร์ตลอด 40 ปีข้างหน้าหลังจากลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันนอกชายฝั่งที่ออสเตรเลีย
เอ็กซอนโมบิลและเชฟรอนเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้ว่าจะเพิ่มการลงทุนในโครงการน้ำมัน อย่างไรก็ตามบริษัทเหล่านั้นปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อข้อมูลดังกล่าว
รายงานฉบับนี้ยังพบว่าบริษัทจงใจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดเกี่ยวกับแผนการดำเนินงานของตนเอง และพยายาม “กีดกันการสอบสวนของคณะกรรมการและไม่เปิดเผยเอกสารสำคัญ”
“เอกสารเหล่านี้แสดงให้ว่าอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิล ‘ฟอกเขียว’ ภาพลักษณ์ของตนเองโดยให้คำมั่นและสัญญาซึ่งผู้บริหารบริษัทเหล่านี้ทราบดีว่าไม่ได้ส่งผลที่มีนัยยะสำคัญใดๆ ต่อการลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจก เพราะในความจริงแล้วอุตสาหกรรมเหล่านั้นต่างเร่งเดินหน้าเพื่อผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลต่อไปในอีกหลายทศวรรษข้างหน้าซึ่งนับเป็นการกระทำที่บั่นทอนความพยายามทั่วโลกในการลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจกและป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤติภูมิอากาศ” คณะกรรมการระบุในรายงาน
เอกสารภายในองค์กรยังแสดงให้เห็นว่าผู้บริหารบริษัทน้ำมันยอมรับว่าการยุติโครงการน้ำมันหรือการย้ายภาระความรับผิดชอบต่อการปล่อยแก๊สเรือนกระจกจะไม่ส่งผลต่อระดับการปล่อยแก๊สเรือนกระจกในภาพรวม “แล้วเราต้องทำอะไรแทนที่จะยุติการลงทุนล่ะ… จะให้เทคอนกรีตเหนือแหล่งทรายน้ำมันแล้วเผาทิ้งไว้เพื่อไม่ให้ใครซื้อไปขุดมาใช้หรอ?” พนักงานคนหนึ่งในเชลล์เขียนในอีเมล์เพื่อส่งให้เพื่อนร่วมงาน
รายงานฉบับดังกล่าวยังระบุอีกว่าบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบและขัดขวางการสืบสวนของคณะกรรมการซึ่งเริ่มต้นในเดือนกันยายนปี 2564 โดยปฏิเสธที่จะให้เอกสารทั้งที่มีการร้องขอต่อศาลและได้รับการอนุมัติโดย Carolyn Maloney ประธานคณะกรรมการ
“นี่เป็นงานที่ยากสุดๆ” Khanna กล่าว เอ็กซอนส่งเอกสารที่โดยถมดำเต็มหน้ากระดาษ หน่วยงานไม่ยอมส่งเอกสารให้ และรายงานก็ไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาใดๆ รายงานฉบับดังกล่าวเผยแพร่หลังจากที่เดโมแครตสูญเสียฐานะเสียงข้างมากในสภาฯ หลังจากการเลือกตั้ง แต่อย่างน้อยเอกสารที่คณะกรรมการวบรวมไว้ก็เป็นทรัพยากรสำคัญที่สามารถใช้ทำงานต่อได้
“คุณต้องไม่คาดหวังว่าคณะกรรมการย่อยของสภาฯ จะสามารถสู้รบปรบมือกับบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ที่ลวงประชาชนชาวอเมริกันมาร่วม 40 ปี แล้วอยู่ดีๆ ก็ทำธุรกิจแบบมีความรับผิดชอบ” เขากล่าวสรุป
ถอดความและเรียบเรียงจาก Oil companies ‘could doom global efforts’ around climate change, House committee finds