ปัจจุบันเรามักจะเห็นภาพของการเรียกร้องเรื่องสิ่งแวดล้อมอยู่ตลอด ซึ่งการเรียกร้องในแต่ละครั้งนั้นก็จะมีความรุนแรงแตกต่างกันออกไป แต่ครั้งใดที่มีภาพของความก้าวร้าวและรุนแรงเกิดขึ้นมา ครั้งนั้นก็จะเป็นที่จดจำแก่ประชาชนทั่วไปได้มากกว่าครั้งอื่น ๆ
ดังครั้งนี้ เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2565 เวลาประมาณ 11.00 น. ได้มีนักเคลื่อนไหวเรื่องโลกร้อนจากกลุ่ม ‘Just Stop Oil’ 2 คน ทำการสาดซุปมะเขือเทศใส่ภาพ “Sunflowers” ของ Vincent van Gogh ณ National Gallery สหราชอาณาจักร ซึ่งภาพดังกล่าวมีมูลค่ากว่า 84.2 ล้านดอลลาร์
หลังจากที่ทั้งคู่สาดซุปมะเขือเทศเสร็จ ต่อมาทั้งคู่ได้ทากาวไว้ที่ฝามือแล้วเอามือแปะกับผนังพร้อมกล่าวว่า
“งานศิลปะนี้มีค่ามากกว่าอาหารหรือ มากกว่าความยุติธรรมหรือ พวกคุณเป็นห่วงอะไรมากกว่ากันระหว่างภาพวาดนี้หรือโลกใบนี้และผู้คน”
“วิกฤตค่าครองชีพเป็นส่วนหนึ่งของของวิกฤตน้ำมัน เชื้อเพลิงนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถซื้อได้สำหรับหลายล้านครอบครัวที่ต้องเผชิญกับความหนาวเย็นและความหิว พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะอุ่นซุปกระป๋องได้”
อย่างไรก็ดีเหตุการณ์ทุกอย่างก็ได้สงบลงเมื่อเจ้าหน้าที่ของทางแกเลอรีได้เข้า มาพร้อมกับตำรวจ ได้ทำการจับกุมและควบคุมตัวทั้งคู่ออกไปในข้อหา “บุกรุกและก่อความเสียหาย”
ท้ายที่สุดเจ้าหน้าที่ได้ออกมาแถลงแล้วว่าภาพวาดดังกล่าวไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด เนื่องจากมีกระจกนิรภัยกั้นอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นการกระทำของนักเคลื่อนไหวทั้งสองก็สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนอยู่ไม่น้อย
Just Stop Oil กับการเรียกร้องเรื่องเชื้อเพลิงฟอสซิล
กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีผู้คนที่ให้ความสนใจในเรื่องของสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องผลกระทบของการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลมารวมตัวกัน 20-30 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลอังกฤษยุติใบอนุญาตและคำยินยอมทั้งหมดเกี่ยวกับการสำรวจ พัฒนา และการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลในสหราชอาณาจักร
ทางกลุ่มกล่าวว่า บนโลกนี้มีน้ำมันและก๊าซมากเกินกว่าจะเผาได้แล้ว ในอีกไม่เกิน 8 ปีเราต้องยุติการใช้พลังงานฟอสซิล แล้วหันมาพึ่งพิงพลังงานหมุนเวียนแทน
หากรัฐบาลอังกฤษยังคงเดินหน้าต่อไปด้วยการใช้พลังงานฟอสซิล นอกจากมันจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว พวกเขายังมองว่ามันจะส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนด้วย เนื่องจากการที่ไม่มีเงินมากพอสำหรับการซื้อพลังงานเชื้อเพลิงเหล่านี้มาใช้ ดังนั้นพวกเขาจึงมองว่า การใช้พลังงานหมุนเวียนจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าถึงพลังงานเหล่านี้ได้โดยที่ไม่ต้องจ่ายในราคาที่แพง
เชื้อเพลิงฟอสซิลกับผลกระทบต่อโลก
หากมองแก่นสารที่กลุ่มต้องการจะสื่อสารนั้นพบว่า แท้จริงแล้วพวกเขาแค่ต้องการจะเรียกร้องให้เลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเพียงเท่านั้น อย่างที่ทราบกันดีว่าเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นตัวการที่สำคัญที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้เกิดวิกฤตสภาพภูมิอากาศทั่วโลก
กล่าวได้ว่า เมื่อเชื้อเพลิงฟอสซิลถูกเผา จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะเกาะตัวกันเป็นก๊าซเรือนกระจก ก๊าซเรือนกระจกจะทำหน้าที่เหมือนกระจกในเรือนเพาะชำ ที่คอยดักจับความร้อนในชั้นบรรยากาศของเรา ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน หากอุณหภูมิเฉลี่ยโลกสูงเกินกว่า 1.5 องศาเซลเซียส อาจส่งผลต่อ ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น สภาพอากาศแปรปรวน การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และการสูญพันธุ์ของสายพันธุ์สัตว์และพืช ตลอดจนการขาดแคลนอาหาร และสุขภาพที่แย่ลงของผู้คนหลายล้านคนทั่วโลก
ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ที่แกเลอรีครั้งนี้อาจสร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้ชื่นชอบศิลปะมากมาย แต่อย่างน้อยที่สุดการกระทำดังกล่าวก็ได้ส่งสารบางอย่างออกไปให้คนทั่วโลกได้รับรู้ว่า ปัญหาเชื้อเพลิงฟอสซิลไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป ถ้าหากเรายังปล่อยไว้ ก็อาจไม่เหลือแม้แต่งานศิลปะให้ชื่นชมก็ได้
อ้างอิง
- activists throw soup at Van Gogh’s Sunflowers
- Oil protesters arrested after throwing tomato soup at Van Gogh painting
- Fossil fuels are killing us
- Fossil fuels and climate change: the facts
ภาพประกอบ
ผู้เขียน
หนุ่มน้อยผู้หลงรักความไม่สมบูรณ์แบบ ออกเดินทางเพื่อเก็บภาพความงดงามของธรรมชาติ และชอบอ่านวรรณกรรมเป็นชีวิตจิตใจ