‘ขยะพลาสติก’ พรากชีวิตช้างในประเทศศรีลังกา มากถึง 20 ตัว ใน 8 ปีที่ผ่านมา

‘ขยะพลาสติก’ พรากชีวิตช้างในประเทศศรีลังกา มากถึง 20 ตัว ใน 8 ปีที่ผ่านมา

นักอนุรักษ์และสัตวแพทย์เตือนว่า ‘ขยะพลาสติก’ ในหลุมฝังกลบแบบเปิดในภาคตะวันออกของประเทศศรีลังกา กำลังคุกคามชีวิตของช้างในภูมิภาคนี้

.
ตามรายงานล่าสุดพบว่า ในช่วงต้นปีที่ผ่านมามีช้างตายเพิ่มอีก 2 ตัว เพราะกินขยะพลาสติกเข้าไปต่างอาหาร

ในการสืบค้นข้อมูลย้อนหลังยังพบอีกว่า ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา มีช้างตายเพราะสาเหตุเดียวกันนี้สูงถึง 20 ตัวด้วยกัน

จากการชันสูตรช้างที่ตายแล้ว สามารถอธิบายได้ว่าพวกเขากลืนขยะพลาสติกที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ เช่น โพลีเอทิลีน กระดาษห่ออาหาร และถุงพลาสติกชนิดต่างๆ เข้าไปเป็นจำนวนมาก 

แต่ไม่พบพืชหรืออาหารอื่นๆ ที่ช้างควรกินตามปกติ

พื้นที่หมู่บ้านปัลลักคาดู อำเภออัมปารา ที่อยู่ห่างจากกรุงโคลัมโบ เมืองหลวงของประเทศประมาณ 210 กิโลเมตร ถือเป็นจุดทิ้งขยะแหล่งใหญ่ 

ทว่าพื้นที่ตรงนี้ก็อยู่ไม่ห่างจากถิ่นที่อยู่อาศัยของช้างมากนัก 

เหตุที่ช้างเข้ามาหากินบริเวณจุดทิ้งขยะ เนื่องจากถิ่นที่อยู่อาศัยของช้างกำลังค่อยๆ เสื่อมโทรมลง 

ปัจจุบัน พื้นที่ป่าไม้ของศรีลังกาเหลืออยู่เพียง 17% ของพื้นที่ประเทศ

สาเหตุที่ทำให้ผืนป่าถูกทำลายเกิดจากการทุจริตของนักการเมือง ที่ขายผืนป่าธรรมชาติให้กับนักธุรกิจนำไปสร้างรายได้โดยอ้างเหตุผลของความเจริญรุ่งเรือง

ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงที่ดินเพื่อการทำเหมือง 

ในช่วงสองปีที่ผ่านมา การระบาดของโควิด-19 ทำให้รายได้ของประเทศที่เคยมีจากการท่องเที่ยวลดลง รัฐบาลจึงมีแผนเปลี่ยนป่าเป็นพื้นที่เกษตรกรรม โดยชูประเด็นเรื่องความมั่นคงทางอาหารของคนในชาติมาเป็นข้ออ้าง

จากสภาพที่เป็นอยู่ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ หากจะมีช้างหนีออกมาหากินนอกป่า เที่ยวขโมยกินผลหมากรากไม้ที่คนปลูก ก่อนเลยเถิดมาถึงการคุ้ยเขี่ยหาอาหารในจุดทิ้งขยะ

เมื่อพลาสติกที่ไม่ย่อยสลายเข้าไปตกค้างอยู่ในกระเพาะ และสะสมเป็นจำนวนมากเข้า จะก่อให้เกิดอาการติดเชื้อจากสารพิษในพลาสติก รวมถึงอาการขาดน้ำและขาดสารอาหาร

พลาสติกที่อุดตันจะทำให้พวกมันไม่รู้สึกหิว และเมื่อไม่อยากกินอะไร สุดท้ายช้างทั้งหลายจะสิ้นเรี่ยวไร้แรง และสามารถพยุงน้ำหนักตัวที่มากเอาไว้ได้ไหว

ก่อนหน้านี้ในปี 2017 รัฐบาลประกาศว่าจัดการกับกองขยะที่อยู่ใกล้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เพื่อป้องกันไม่ให้ช้างบริโภคขยะพลาสติก 

นอกจากนี้ ยังมีแผนสร้างรั้วไฟฟ้ารอบพื้นที่เพื่อกันสัตว์ต่างๆ แต่ก็ยังไม่ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่

รั้วบางแห่งที่สร้างไว้ก็ไม่ได้รับการดูแล จนเสื่อมโทรมและใช้การไม่ได้ในที่สุด

นอกจากบริเวณหมู่บ้านปัลลักคาดู ยังมีจุดทิ้งขยะ 54 แห่งในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทั่วประเทศ และมีช้างประมาณ 300 ตัว สัญจรไปมาใกล้กับแหล่งทิ้งขยะเหล่านั้น

สถานที่จัดการขยะในหมู่บ้านปัลลักคาดู ก่อตั้งขึ้นในปี 2008 โดยได้รับความช่วยเหลือจากสหภาพยุโรป ขยะที่เก็บจากหมู่บ้านใกล้เคียง 9 แห่งถูกทิ้งที่นั่น แต่ไม่ได้ถูกนำกลับมาใช้ใหม่ รวมถึงขาดการจัดการที่ดี

ในปี 2014 รั้วไฟฟ้าที่ป้องกันไซต์ถูกฟ้าผ่า และเจ้าหน้าที่ไม่เคยซ่อมแซมเลย ทำให้ช้างสามารถเข้าไปและควานหาอาหารในกองขยะได้ 

ช้างเป็นที่เคารพนับถือในศรีลังกา แต่ก็ใกล้สูญพันธุ์เช่นกัน ตัวเลขของพวกเขาลดลงจากประมาณ 14,000 ตัวในศตวรรษที่ 19 แต่ตามการสำรวจสำมะโนช้างครั้งแรกของประเทศในปี 2011 พบว่า ลดลงมาเหลือประมาณ 6,000 ตัว

ร่วมรักษาป่าใหญ่ ผ่านระบบ Thai QR Code

 


อ้างอิง

ผู้เขียน

Website | + posts

โซเชียลมีเดียที่เขียนบันทึกประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อมในยุคแอนโทโปรซีน