‘โลมา’ ตายไปกว่า 5,000 ตัว สังเวยชีวิตในสงครามรัสเซีย-ยูเครน
นับตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้ประกาศเริ่ม ‘ปฏิบัติการทางทหาร’ ในพื้นที่ดอนบาส ภูมิภาคตะวันออกของยูเครน ถึงตอนนี้มีผู้ได้รับผลกระทบ บาดเจ็บและเสียชีวิตร่วมหลายหมื่นคน
ประมาณการว่า มีประชาชนต้องลี้ภัยออกจากยูเครนมากกว่า 6 ล้านคน ซึ่งถือเป็นวิกฤตผู้ลี้ภัยครั้งใหญ่ที่สุด
ผลสะเทือนยังนำไปสู่ภาวะขาดแคลนอาหาร ราคาสินค้าที่พุ่งขึ้นสูงในหลายๆ ประเทศทั่วโลก
แต่ที่มากไปกว่านั้น นอกจากผลกระทบที่เกิดกับชีวิตของมนุษย์ บรรดาสรรพชีวิตในธรรมชาติก็พลอยโดนหางเลขไปด้วย
หนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด มีนักวิทยาศาสตร์และนักอนุรักษ์เฝ้าจับตาอยู่ตอนนี้ คือ ‘โลมา’ ที่อาศัยอยู่ใน ‘ทะเลดำ’
‘ทะเลดำ’ เคยเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของ ‘โลมา’ กว่า 2 ล้านตัว ในช่วงศตวรรษที่ 20
แต่เมื่อมนุษย์เริ่มเข้ามาใช้ประโยชน์ในพื้นที่แห่งนี้เป็นจำนวนมาก ทั้งการจับปลา ไปจนถึงการลักลอบทิ้งของเสีย จำนวนโลมาก็ลดลงมาเหลือเพียง 250,000 ตัว ในปี 2020
ซึ่งหลังจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนเริ่มต้นขึ้น มูลนิธิวิจัยทางทะเลแห่งตุรกี (Tudav) ก็ได้ออกมารายงานถึง จำนวนโลมาที่ตายมากจนผิดปกติ
โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Tudav รายงานว่าพบร่างไร้วิญญาณของโลมาเกยตื้นทั่วชายฝั่งตุรกีมากกว่า 80 ตัว
จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าครึ่งหนึ่งมีบาดแผลที่เกิดจากเครื่องมือทำประมง
แต่อีกครึ่งนั้นยังไม่ทราบสาเหตุ – ไม่มีร่องรอยที่บ่งชี้สาเหตุการตาย ไม่มีแผลจากอวนหรือเครื่องมือจับปลา ไม่มีรอยการถูกกระแทกหรือถูกยิง
ตามความเห็นของ Tudav ได้ตั้งสมมติฐานว่า ความตายของโลมา มีสาเหตุมาจากมลภาวะทางเสียงของโซนาร์เรือรบ
เนื่องจากกองทัพเรือมักใช้โซนาร์ในการตรวจจับเรือดำน้ำของศัตรูจากระยะไกล ขณะที่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลต้องอาศัยเสียงในการสื่อสารและใช้ชีวิต เสียงใต้น้ำจึงอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อชีวิตสัตว์บางชนิดได้
อย่างไรก็ตาม ตามความเห็นของหน่วยงานอนุรักษ์ พวกเขาไม่คิดว่าโซนาร์เป็นตัวฆ่าโลมาโดยตรง แต่เสียงโซนาร์จะผลักไสให้โลมาพากันอพยพไปอยู่ที่อื่นที่ผิดแปลกไปจากวงจรชีวิตปกติ ซึ่งอาจนำสัตว์น้ำไปพบกับภัยใหม่ๆ เช่น เรือประมงแทน
ประเด็นนี้สอดคล้องกับรายงาน Green Balkans (องค์กรอนุรักษ์ของบัลแกเรีย) ระบุว่า พบการจับสัตว์น้ำพลอยได้ (Bycatch) มากเป็นพิเศษ
ทางด้านนักอนุรักษ์ของยูเครนที่กำลังติดตามสถานการณ์ชีวิตของโลมา ก็พบว่าปีนี้มีโลมาตายมากผิดปกติเช่นกัน
จากที่ผ่านมา พวกเขาพบซากโลมาเกยตื้นชายหาดเพียง 3 ตัว ตลอดแนวชายฝั่งความยาว 44 กิโลเมตร
แต่ปีนี้กลับพบซากโลมาถูกคลื่นซัดเกยตื้นหาดมากถึง 35 ตัว ในระยะแนวชายหาดเพียง 5 กิโลเมตร
ซึ่งถือได้ว่าเป็นจำนวนที่มากจนผิดปกติ
ด้วยสถานการณ์ของสงครามที่ยังไม่คลี่คลาย นักอนุรักษ์จึงยังไม่สามารถตรวจสอบซากโลมาได้ทั่วบริเวณชายฝั่งของประเทศที่เชื่อมต่อกับทะเลดำ
เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในการควบคุมของกองกำลังทหารสำหรับป้องกันการโจมตีของรัสเซีย
ทั้งนี้ทั้งนั้น นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลของยูเครน ประมาณการว่าอาจโลมาตายไปแล้ว 5,000 ตัว
ซึ่งคิดเป็นประมาณ 2% ของประชากรโลมาทั้งหมดในทะเลดำ
ข้อมูลนี้ได้มาจากการประสานงานระหว่างนักวิทยาศาสตร์ของยูเครน ร่วมกับทีมงานในตุรกี บัลแกเรีย โรมาเนีย
ที่ทุกประเทศลงความเห็นตรงกันว่า มีโลมาตายมากกว่าปกติจริงๆ
ตามความเห็นของ Ivan Rusev นักวิทยาศาสตร์ชาวยูเครน วัย 63 ปี ให้ความเห็นว่าโซนาร์ทางทหารที่เรือรบรัสเซียนำมาใช้นั้น จะไปรบกวนระบบการได้ยินของโลมา
โซนาร์จะทำลายหูชั้นในของโลมา เปรียบเสมือนการทำให้คนตาบอด สัตว์น้ำจะไม่สามารถนำทางหรือหาอาหารได้
ภาวะดังกล่าวยังทำให้โลมาเกิดความอ่อนแอ เสี่ยงต่อการป่วย และติดเชื้อโรคได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของนักวิทยาศาสตร์รัสเซีย พวกเขาไม่ได้คิดว่าโซนาร์จากเรือรบเป็นเหตุ แต่ได้พุ่งประเด็นไปที่เรื่องการระบาดของไวรัส อาทิ morbillivirus ที่เป็นภัยคุกคามต่อชีวิตโลมามากกว่าปัญหาที่เกิดคลื่นโซนาร์
ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
โดยซากโลมาจำนวนหนึ่ง ได้ถูกส่งให้กับสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลของเยอรมันและอิตาลี เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุการตายที่แท้จริง
ผลจะออกมาอย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องติดตามในตอนต่อไป
และแน่นอนว่าเรื่องนี้จะต้องมีผู้รับผิดชอบ
อ้างอิง
- Black Sea dolphins casualties of Russia’s war in Ukraine
- Ukraine war may be causing rise in dolphin deaths, say scientists
- Britain Says Russia’s Black Sea Fleet Retains Ability to Strike Ukraine
- Photo : Ádám Berkecz
ผู้เขียน
โซเชียลมีเดียที่เขียนบันทึกประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อมในยุคแอนโทโปรซีน