ผู้ชุมนุมประท้วงจำนวนหลายพันคนจากทั่วโลกเดินทางถึงกลาสโกว์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาก่อนการประชุม COP26 เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยกระดับการแก้ไขปัญหาวิกฤติภูมิอากาศ นักรณรงค์ทั้งฝั่งผู้เรียกร้องความเป็นธรรมทางสิ่งแวดล้อม กลุ่มชาติพันธุ์ และองค์กรภาคประชาสังคม ต่างรวมตัวกันในเมืองใหญ่ของสก็อตแลนด์เพื่อจับมือกดดันเหล่าผู้นำทางการเมือง
.
การประท้วงดังกล่าวมีตั้งแต่การเดินขบวนไปจนถึงการนัดหยุดงานและการปิดถนน นักรณรงค์มองว่าการแสดงอารยขัดขืนอย่างสงบเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ผลลัพธ์การประชุมสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน “การประท้วงครั้งนี้สร้างความหวังให้กับฉัน” Cat Scothorne นักรณรงค์วัย 18 ปีจาก Glasgow Calls Out Polluters
“นี่คือโอกาสที่เราจะได้รับฟังเสียงจริงๆ จากประชาชนที่เผชิญกับวิกฤติภูมิอากาศอย่างซึ่งหน้า และพยายามผลักดันอิทธิพลและกระแส ‘ฟอกเขียว’ ที่จะเจือปนในการประชุมครั้งนี้ นี่คือโอกาสสำคัญเพื่อบอกกับคนทั้งโลกว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น โดยเฉพาะประเทศทางฝั่งซีกโลกใต้”
นักกิจกรรมจากยุโปร แอฟริกา และเอเชีย จับมือกับนักรณรงค์ในสหราชอาณาจักรเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาบนท้องถนนเพื่อประท้วงพร้อมกับเตรียมจัดเวทีภาคประชาสังคมต่อในอนาคต
ตัวแทนจาก Minga Indigena ซึ่งมาแสดงออกในฐานะชุมชนชาติพันธุ์จากอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ได้รับการต้อนรับสู่กลาสโกว์โดย Nicola Sturgeon มุขมนตรีแห่งสก็อตแลนด์ ทั้งสองร่วมเรียกร้องความเป็นธรรมด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและระบุว่าคือ “ความต้องการร่วมกันจาก COP26”
.
.
ที่ใจกลางเมืองกลาสโกว์ นักกิจกรรมที่ร่วมเดินเท้ามายังงาน COP26 จากทั่วสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปได้มาถึงเมืองแห่งนี้ พร้อมเรียกร้องความเป็นธรรมสำหรับประชาชนที่อยู่แนวหน้าและต้องเผชิญกับวิกฤติภูมิอากาศ Alex Cochrane จากกลุ่ม Extinction Rebellion กลาสโกว์ หนึ่งในผู้ช่วยในการจัดการ “การเดินทางศักดิ์สิทธิ์” ระบุว่านี่คือเวลาที่รัฐบาลทั่วโลกจะต้อง “ลงมือทำจริงๆ เพื่อประเทศในซีกโลกใต้”
Cochrane กล่าวเสริมว่า “COP26 จะต้องเป็นจุดจบของอาชญากรรมต่อมนุษยชาติโดยรัฐบาลร่ำรวยแห่งซีกโลกเหนือที่ใช้วิถีชีวิตอย่างมั่งคั่งและปล่อยคาร์บอนเข้มข้น โดยผู้ที่ต้องแบกรับผลกระทบคือประเทศในซีกโลกใต้”
ผู้ชุมนุมประท้วงมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเพราะในสุดสัปดาห์จะมี “ขบวนรถไฟการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” ซึ่งจะพานักรณรงค์จากทั่วสหภาพยุโรปมาสู่สถานีรถไฟหลักในเมืองกลาสโกว์
Federico Pastoris นักรณรงค์ด้านความเป็นธรรมทางภูมิอากาศ และกลุ่ม Stop Cambo ซึ่งต่อต้านการขุดเจาะแหล่งน้ำมัน Cambo ที่ทะเลเหนือ เขาระบุว่าสองสัปดาห์ต่อจากนี้จะเป็นการสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างนักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมในยุโรปและชุมชนด้านหน้าจากซีกโลกใต้เพื่อหาทางส่งเสียงไปยังเหล่าผู้นำที่นั่งอยู่ในห้องประชุม
“นี่คือรูปธรรมของความเป็นธรรมด้านภูมิอากาศ เราตระหนักดีว่ากระบวนการ COP นั้นไร้ประสิทธิภาพ ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องสร้างเครือข่ายรากหญ้าที่เป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อหาวิธีใหม่ในการรับมือวิกฤติดังกล่าว นี่คือสาเหตุที่คนจำนวนมากกระเสือกกระสนที่จะเดินทางมาที่นี่”
.
.
ตลอดสองสัปดาห์ข้างหน้า นักรณรงค์ต่างวางแผนประท้วงและอารยขัดขืนทั่วกลาสโกว์ โดยในวันศุกร์นี้ เกรต้า ธันเบิร์ก นักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมเตรียมพร้อมจะเข้าร่วมการนัดหยุดเรียนในกลาสโกว์ ส่วนวันเสาร์ซึ่งเป็นวันเดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรม เราจะพบกับการเดินขบวนครั้งใหญ่ทั้งที่กลาสโกว์และลอนดอน และอีกสารพัดกิจกรรมเพื่อสะท้อนการอารยขัดขืนตลอดการประชุมสองสัปดาห์นี้
นักรณรงค์และภาคประชาสังคมจากซีกโลกใต้จำนวนหนึ่งประสบปัญหาอย่างมากในการเดินทางมายังกลาสโกว์เนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับวีซ่าและข้อจำกัดการเดินทางเพราะการระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ดี เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมามีคนจำนวนหนึ่งที่เดินทางมาถึงได้ เช่น Patience Nabukalu วัย 24 ปีซึ่งเดินทางมาจากอูกันดาในฐานะ “ประชาชนและพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด” เธอเป็นตัวแทนชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในสัดส่วนที่มากกว่าปล่อยมลภาวะ
“นี่คือโอกาสสำหรับคนอย่างพวกเราซึ่งอาศัยในพื้นที่ที่เจอกับผลกระทบจากภูมิอากาศจริงๆ จะมาส่งเสียงให้ทุกคนรับรู้” เธอกล่าวจากรถทัวร์ที่คาดว่าจะถึงกลาสโกว์ในเย็นวันเสาร์ เธอเล่าว่าตลอดชีวิตของเธอนั้นต้องเผชิญกับอุทกภัยในระดับปกติและระดับรุนแรงซึ่งส่งผลร้ายแรงต่อครอบครัวของเธอและชุมชนทั้งหมด
เธอเสริมว่า “สิ่งเดียวที่เราต้องการได้ยิน [จากผู้นำทั่วโลก] คือทางออกและการแก้ไขปัญหาวิกฤติภูมิอากาศอย่างเป็นรูปธรรม ฉันเหนื่อยที่จะต้องฟังการให้คำมั่นหรือคำสัญญา เพราะเราได้สัญญาครั้งแล้วครั้งเล่าแต่มันไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นจริงๆ และเวลาของเราก็ใกล้จะหมดลงเต็มที”
ถอดความและเรียบเรียงจาก ‘It’s the protests which are giving me hope’: activists descend on Glasgow
ผู้เขียน
บัณฑิตการเงินและการบัญชีที่สนใจความเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม หมดเวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่าน เขียน เรียนคอร์สออนไลน์ และเลี้ยงลูกชายวัยกำลังน่ารัก