มลภาวะทางอากาศเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของประชาชนในเมืองกว่า 180,000 ราย

มลภาวะทางอากาศเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของประชาชนในเมืองกว่า 180,000 ราย

มลภาวะทางอากาศเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของประชาชนในเมืองกว่า 180,000 ราย

.
นักวิจัยจาก UCL และ University of Birmingham เปิดเผยว่าตลอดเวลา 14 ปี มีความสูญเสียกว่า 180,000 ชีวิตที่สามารถหลีกเลี่ยงได้เกิดขึ้นในเมืองใหญ่ที่มีอากาศร้อนชื้น การเสียชีวิตดังกล่าวเกิดจากมลภาวะทางอากาศที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ทีมนักวิจัยนานาชาติจัดการกับปัญหาข้อมูลคุณภาพอากาศที่ขาดหายไปสำหรับเมืองใหญ่ 46 เมือง* ในทวีปแอฟริกา เอเชีย ตะวันออกกลาง โดยการใช้ข้อมูลภาพถ่ายจากอวกาศโดยองค์การนาซ่าและองค์การอวกาศยุโรปตั้งแต่ พ.ศ. 2548 ถึง 2561

งานวิจัยซึ่งตีพิมพ์ใน Science Advances ระบุว่าคุณภาพอากาศมีแนวโน้มย่ำแย่ลงในเขตเมืองเนื่องจากมลภาวะทางอากาศที่เป็นพิษต่อสุขภาพ ทีมวิจัยพบว่ามลภาวะทางอากาศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกเมือง ทั้งไนโตรเจนออกไซด์ที่เพิ่มขึ้น 14 เปอร์เซ็นต์ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เพิ่มขึ้น 8 เปอร์เซ็นต์ แอมโมเนียเพิ่มขึ้น 12 เปอร์เซ็นต์ และสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (volatile organic compounds) เพิ่มขึ้น 11 เปอร์เซ็นต์

ทีมวิจัยอธิบายปัญหาคุณภาพอากาศที่ย่ำแย่อย่างรวดเร็วว่ามีสาเหตุมาจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมและผู้อยู่อาศัยในเมืองใหญ่ เช่นปัจจัยอย่างการจราจร การเผาขยะ และการใช้ถ่านไม้เป็นเชื้อเพลิง ทีมนักวิทยาศาสตร์ยังพบว่าประชากรที่เผชิญปัญหามลภาวะทางอากาศเพิ่มจำนวนขึ้น 1.5 ถึง 4 เท่าตัวในเขตเมือง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเพิ่มขึ้นของมลภาวะอย่างไนโตรเจนออกไซด์และฝุ่นละอองขนาดเล็ก

จากผลการศึกษาพบว่า จำนวนประชาชนที่เสียชีวิตก่อนวัยอันควรเนื่องจากมลภาวะทางอากาศมีจำนวนสูงสุดในภูมิภาคเอเชียใต้ โดยเฉพาะเมืองธากา ประเทศบังคลาเทศ (คิดเป็น 24,000 คน) และเมืองใหญ่หลายเมืองในประเทศอินเดีย อาทิ มุมไบ บังการ์ลอ กัลกัตตา ไฮเดอราบัด เชนไน (คิดเป็นกว่า 100,000 คน)

อย่างไรก็ดี จำนวนของผู้เสียชีวิตในเมืองเขตร้อนชื้นทวีปแอฟริกานับว่ามีจำนวนลดลงเนื่องจากระบบสาธารณสุขที่ดีขึ้นทั่วทั้งภูมิภาค ส่งผลให้อัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ผลกระทบที่รุนแรงกำลังจะเกิดขึ้นในทศวรรษข้างหน้า

Eloise Marais หนึ่งในทีมวิจัยเปิดเผยว่า “ที่ผ่านมา เราแค่ย้ายปัญหามลภาวะทางอากาศจากภูมิภาคหนึ่งไปอีกภูมิภาคหนึ่ง แทนที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีตและทำให้มั่นใจว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมและการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน เราหวังว่าผลการศึกษานี้จะสร้างแรงจูงใจไปสู่การดำเนินมาตรการเชิงป้องกันในพื้นที่เขตร้อนชื้น”

*เมืองที่รวมในการศึกษาประกอบด้วย

ทวีปแอฟริกา – Abidjan, Abuja, Addis Ababa, Antananarivo, Bamako, Blantyre, Conakry, Dakar, Dar es Salaam, Ibadan, Kaduna, Kampala, Kano, Khartoum, Kigali, Kinshasa, Lagos, Lilongwe, Luanda, Lubumbashi, Lusaka, Mombasa, N’Djamena, Nairobi, Niamey, Ouagadougou.

ภูมิภาคเอเชียใต้ – Ahmedabad, Bangalore, Chennai, Chittagong, Dhaka, Hyderabad, Karachi, Kolkata, Mumbai, Pune, Surat.
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ – Bangkok, Hanoi, Ho Chi Minh City, Jakarta, Manila, Phnom Penh, Yangon.

ภูมิภาคตะวันออกกลาง – Riyadh, Sana’a.

ร่วมรักษาป่าใหญ่ ผ่านระบบ Thai QR Code


ถอดความและเรียบเรียงจาก Air pollution responsible for 180,000 excess deaths in tropical cities

ผู้เขียน

+ posts

บัณฑิตการเงินและการบัญชีที่สนใจความเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม หมดเวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่าน เขียน เรียนคอร์สออนไลน์ และเลี้ยงลูกชายวัยกำลังน่ารัก