แผ่นน้ำแข็งในแอนตาร์กติกาแตกเพราะอะไร เป็นฝีมือของเจ้ากระรอกสแครทอย่างนั้นหรือ ?

แผ่นน้ำแข็งในแอนตาร์กติกาแตกเพราะอะไร เป็นฝีมือของเจ้ากระรอกสแครทอย่างนั้นหรือ ?

หากเราได้เคยดูภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง ‘ไอซ์ เอจ’ (Ice age) การ์ตูนผจญภัยในยุคน้ำแข็งของค่าย 20th Century Fox ที่บอกเล่าเรื่องราวการผจญภัยของสัตว์น้อยใหญ่ในการอพยพย้ายถิ่นฐานเพื่อหลีกหนีจากความหนาวเย็นในยุคน้ำแข็ง ทุกคนคงคุ้นเคยกันดีกับเจ้ากระรอก ‘สแครท’ สัตว์ก่อนยุคประวัติศาสตร์ที่ดูคล้ายกับหนูผสมกระรอกเข้ามาพัวพันตลอดเส้นเรื่อง พร้อมกับภารกิจสำคัญยิ่งชีวิต อย่างการหาจุดฝังกลบผลลูกโอ๊ค แต่บังเอิญไปทำให้แผ่นน้ำแข็งแยกจนเกิดภัยพิบัติต่อโลกน้ำแข็ง 

แต่ในความเป็นจริง รอยแยกของแผ่นน้ำแข็งหาได้เป็นฝีมือของเจ้าสแครทแต่อย่างใด เรื่องราวที่กำลังดำเนินอยู่บนโลกนี้ เป็นไปด้วยอิทธิพลที่มากกว่าการฝังลูกโอ๊ค

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2023 การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญกำลังเกิดขึ้นในพื้นที่ทวีปแอนตาร์กติกา รอยแตกขนาดใหญ่ได้ก่อตัวขึ้นภายในชั้นน้ำแข็งดึกดำบรรพ์ภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาซึ่งมีขนาดประมาณห้าเท่าของประเทศมอลตา ในที่สุดก็ได้แยกออกมาจากแผ่นน้ำแข็ง Brunt ice Shelf (หิ้งน้ำแข็ง หรือ Ice Shelf คือแท่นน้ำแข็งขนาดใหญ่ลอยตัวที่ธารน้ำแข็งหรือแผ่นน้ำแข็งไหลลงสู่ชายฝั่งและลงสู่พื้นผิวมหาสมุทร) ที่ติดกับชายฝั่งแอนตาร์กติกของพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเล ระหว่าง ธารน้ำแข็ง Dawson-Lambton และ Stancomb-Wills Glacier Tongue ภูเขาน้ำแข็งที่เกิดใหม่คาดว่าจะมีขนาดประมาณ 1550 ตร.กม. และหนาประมาณ 150 ม. เกิดขึ้นเมื่อรอยแตกที่รู้จักกันในชื่อ Chasm-1 ขยายไปทางเหนืออย่างเต็มที่ ซึ่งขยายออกไปหลายไมล์ 

เหตุการณ์นี้ได้รับความสนใจจากนักวิทยาศาสตร์และนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทั่วโลก มันเป็นปรากฏการณ์แห่งพลังที่แท้จริงของธรรมชาติและเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่โลกของเรากำลังเกิดขึ้น

ภาพถ่ายดาวเทียมเผยให้เห็นรอยแตกขนาดใหญ่ในหิ้งน้ำแข็งแอนตาร์กติก ทีมวิจัยนานาชาติได้ติดตามรอยแยกดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ซึ่งทอดยาวหลายร้อยไมล์และเพิ่มขึ้นทุกวัน รอยแตกดังกล่าวท้าทายความเข้าใจของเราเกี่ยวกับพลวัตของชั้นน้ำแข็งแอนตาร์กติกในขณะที่มันตัดผ่านชั้นน้ำแข็งหนา โดยสามารถมองเห็นได้จากอวกาศ 

Before and after: Brunt Ice Shelf

อย่างไรก็ตาม Dominic Hodgson นักธรณีวิทยาของ British Antarctic Survey ได้ชี้แจงว่าเหตุการณ์การแตกออกนี้เป็นส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์ในธรรมชาติชาติของชั้นน้ำแข็ง Brunt ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทีมวิทยาศาสตร์และปฏิบัติการคอยตรวจสอบชั้นน้ำแข็งแบบเรียลไทม์อย่างต่อเนื่อง เหตุการณ์นี้ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถศึกษาพลศาสตร์ของน้ำแข็ง อุณหภูมิอากาศและมหาสมุทรเพิ่มเติม และผลกระทบต่อชั้นน้ำแข็งได้ 

เพื่อที่จะเข้าใจถึงความสำคัญของรอยแตกบนหิ้งน้ำแข็งของแอนตาร์กติกา เราต้องเข้าใจความเป็นมาอของพื้นที่แห่งนี้ก่อน ชั้นน้ำแข็งในทวีปแอนตาร์กติกาเป็นพื้นที่ลอยน้ำขนาดใหญ่ที่ก่อตัวมานานหลายพันปีเนื่องจากการสะสมของหิมะตกอย่างช้าๆ ซึ่งถูกอัดแน่นจนกลายเป็นน้ำแข็ง แผ่นน้ำแข็งเหล่านี้มีส่วนช่วยในการ ชะลอการไหลลงสู่มหาสมุทร 

การเสื่อมสภาพของชั้นน้ำแข็งนั้นแย่ลงเนื่องจากการละลายฐานของชั้นน้ำแข็ง ซึ่งน้ำทะเลที่อุ่นกว่ากัดกร่อนด้านล่างของชั้นน้ำแข็ง สิ่งนี้ทำให้สมดุลของโครงสร้างของน้ำแข็งอ่อนลง และเสี่ยงแตกร้าวมากขึ้น 

นอกจากนี้ การละลายของพื้นผิวและการรวมตัวกันของน้ำสามารถเข้าไปในรอยแยกได้ ส่งผลให้พวกมันลึกและกว้างขึ้นผ่านการแตกหักด้วย Hydrofracture น้ำหนักของมวลน้ำมหาศาลอาจทําให้เกิดการแตกหักที่ลึกขึ้นและในที่สุดก็ทะลุหิ้งน้ำแข็งได้กลไกเหล่านี้มีความสัมพันธ์กันและซับซ้อน ซึ่งส่งผลต่อรูปแบบและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก

การสูญเสียน้ำแข็งยังส่งผลต่อค่าแอลบีโด (albedo) ซึ่งหมายถึง ค่าอัตราส่วนรังสีสะท้อน (ปริมาณรังสีสะท้อนต่อปริมาณรังสีตกกระทบ) ของดาวเคราะห์อีกด้วย จากปริมาณแสงแดดที่สะท้อนสู่อวกาศ โดยแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่นั้นจะน้ำแข็งมีค่าแอบีโดที่สูง ซึ่งช่วยให้ดาวเคราะห์เย็นลงด้วย 

การสะท้อนรังสีดวงอาทิตย์ เมื่อชั้นน้ำแข็งแตกออก จะเผยให้เห็นน้ำทะเลที่มีสีเข้มกว่าหรือพื้นดินด้านล่าง ซึ่งดูดซับพลังงานแสงอาทิตย์ได้มากขึ้น นำไปสู่วงจรน้อยกลับที่ส่งผลให้อุณภูมิโลกของเรานั้นสูงขึ้น อีกทั้งยังกักเก็บน้ำจืดจำนวนมหาศาลอีกด้วย 

การละลายอย่างรวดเร็วส่งผลให้การไหลเข้าของน้ำจืดลงสู่มหาสมุทรสามารถทำลายระบบนิเวศทางทะเลและกระแสน้ำในมหาสมุทรทั่วโลกได้ นอกจากนี้ ผลกระทบต่อระบบนิเวศยังมีนัยสำคัญ การเปลี่ยนแปลงใดๆ ของแผ่นน้ำแข็งและอุณหภูมิของมหาสมุทรสามารถรบกวนสายใยอาหาร ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อทุกสิ่งตั้งแต่แพลงก์ตอนพืชที่มีขนาดเล็กมากไปจนถึงสัตว์นักล่าชั้นบนเช่น แมวน้ำและปลาวาฬ

รอยแตกขนาดมหึมาในทวีปแอนตาร์กติกาเป็นเครื่องเตือนใจที่ชัดเจนถึงธรรมชาติที่เปราะบางและมีชีวิตชีวาของโลกเรา โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่กำลังดำเนินอยู่เพื่อทำความเข้าใจเหตุผลเบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ แรงผลักดัน และผลกระทบที่ตามมา ความร่วมมือระหว่างประเทศมีความสำคัญ 

อ้างอิง 

ผู้เขียน

+ posts

ชายหนุ่มผู้หลงไหลในกาแฟไม่ใส่น้ำตาล รักการเดินทางไปกับสินค้าของแบรนด์ Patagonia