การศึกษาล่าสุดในสภาพแวดล้อมใต้ทะเลแคริบเบียนชี้ให้เห็นว่า กิจกรรมของมนุษย์ทําให้โลกร้อนขึ้นมากกว่าที่คิดไว้ในตอนแรก
ผลการวิเคราะห์ฟองน้ำทะเลหกตัวซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตเก่าแก่ ดำรงอยู่มาหลายศตวรรษ พบว่าคุณสมบัติทางเคมีในตัวฟองน้ำสามารถบ่งบอกความลับเกี่ยวกับประวัติศาสตร์สภาพภูมิอากาศที่ผ่านมาได้ โดยชี้ให้เห็นถึงความเป็นจริงของอุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้นกว่า 1.7 องศาเซลเซียส จากกิจกรรมของมนุษย์ ไม่ใช่ 1.07 องศาอย่างที่นักวิทยาศาสตร์เข้าใจกันในปัจจุบัน
หากการค้นครั้งนี้ได้รับการยืนยัน มนุษยชาติก็ล้มเหลวในการจํากัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกตั้งแต่ก่อนยุคอุตสาหกรรมที่ 1.5 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่ยอมรับในระดับสากล หากปล่อยผ่านไป จะทำให้เกิดภัยอันตรายและไม่สามารถคืนสู่จุดสมดุลต่อระบบนิเวศ มนุษย์ และสัตว์ป่าทั่วโลกได้อีก และเราจะเหลือเวลาในการควบคุมการปล่อยคาร์บอนฯ น้อยลง
“ภาพรวมใหญ่ คือ นาฬิกาภาวะโลกร้อนที่นับถอยหลังความพยายายามลดการปล่อยมลพิษ เพื่อลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้นเดินเร็วขึ้นอย่างน้อยหนึ่งทศวรรษ” Malcolm McCulloch นักธรณีเคมีทางทะเลจากมหาวิทยาลัยเวสเทิร์นออสเตรเลีย กล่าว “โดยพื้นฐานแล้ว เวลากําลังจะหมดลง… ภัยพิบัติที่กําลังจะเกิดขึ้น”
การอ่านค่าอุณหภูมิตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ได้วัดค่าจากอุปกรณ์ที่ปราศจากความแม่นยํา จึงไม่สามารถเชื่อถือได้ทั้งหมด ทําให้เกิดความไม่แน่นอนในชุดข้อมูลอุณภูมิโลกที่เพิ่มสูงขึ้น เพื่อเติมเต็มช่องว่างเหล่านั้นที่ผ่านมาจึงมีการวิเคราะห์ ต้นไม้ ปะการัง และแกนน้ำแข็งเพื่อประเมินสภาพอากาศในอดีต แต่ข้อมูลที่นำเสนอออกมาก็มีขอบเขตจํากัด
ในทางกลับกัน ฟองน้ำทะเลอาจให้ข้อมูลที่ดีที่สุดบางส่วน ด้วยอายุขัยที่มีมากกว่า 200 ปีขึ้นไป คุณสมบัติทางเคมีที่พบบนโครงร่างของฟองน้ำอย่าง โลหะสีขาวเงิน หรือสตรอนเชียม (Strontium) ที่สะสมบนร่างกายฟองน้ำในน้ำอุ่น และแคลเซียม ที่สะสมในน้ำเย็น จะสอดคล้องกับสภาพสภาพแวดล้อมของฟองน้ำทะเลเมื่อเวลาผ่านไป
นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าอัตราส่วนธาตุที่พบสามารถคาดการณ์อดีตที่ผ่านมาได้ เมื่อน้ำเคลื่อนผ่านอย่างต่อเนื่อง ฟองน้ำจะบันทึกพื้นที่การเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ขึ้น
“ฟองน้ำทะเลเปรียบได้กับประวัติศาสตร์ที่เป็นทางการของมนุษยชาติ การบันทึกค่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ อุณหภูมิของน้ำ และค่า pH ของน้ำ” Amos Winter นักสมุทรศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐอินเดียนา และผู้เขียนร่วมรายงานการวิจัยกล่าว “พวกมันสวยงาม ยากต่อการค้นหา คุณต้องมีทีมนักดําน้ำพิเศษเพื่อค้นหาสิ่งเหล่านี้”
McCulloch, Amos และนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ ทํางานร่วมกับทีมนักดําน้ำทะเลลึก เพื่อตรวจสอบฟองน้ำทะเลทจำนวนหกตัวที่อาศัยอยู่ที่ความลึกระหว่าง 100 – 300 ฟุต ใต้ทะเลแคริบเบียนใกล้ชายฝั่งของเปอร์โตริโกและสหรัฐอเมริกา หมู่เกาะเวอร์จิน พื้นที่ที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจำลองใกล้เคียงแนวโน้มที่เป็นไปของโลก ทีมงานกล่าว การวิเคราะห์ตัวอย่างชี้ให้เห็นว่าหลังจากช่วงเย็นตัวจากการปะทุของภูเขาไฟ อุณหภูมิในมหาสมุทรเริ่มอุ่นขึ้นมากกว่าที่คิดไว้ ประมาณ 0.5 องศาเซลเซียสในช่วงกลางทศวรรษที่ 1800
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เชื่อมั่นในกระบวนการวิจัย นักวิทยาศาสตร์หลายคนแสดงความสงสัยเกี่ยวกับขนาดตัวอย่าง ตําแหน่ง และกรอบผลลัพธ์ของการศึกษา
“ฉันสงสัยอย่างมากในความคิดที่ว่าเราสามารถลบล้างบันทึกอุณหภูมิพื้นผิวโลกด้วยเครื่องมือโดยอิงจาก ฟองน้ำทะเลโบราณ จากภูมิภาคหนึ่ง” Michael Mann นักวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศจาก มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการศึกษา กล่าว “สําหรับฉัน มันไม่ผ่านการทดสอบกลิ่นด้วยซ้ำ”
“ฉันต้องการรวมบันทึกเพิ่มเติมก่อนที่จะยืนยันชุดข้อมูลอุณหภูมิโลกใหม่” Hali Kilbourne นักสมุทรศาสตร์ทางธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัยแมริแลนด์บอกกับ Raymond Zhong จาก New York Times
การวิพากษ์วิจารณ์ที่แพร่หลายที่สุดของการศึกษานี้ คือการสร้างเกณฑ์อุณภูมิ 1.5 องศาเซลเซียสอย่างไม่ถูกต้อง ซึ่งกําหนดไว้โดยเฉพาะในข้อตกลงสภาพภูมิอากาศของปารีส การศึกษาล่าสุดนี้ได้เสนอการแก้ไขอุณหภูมิโลกตั้งแต่กลางทศวรรษที่ 1800 นักวิทยาศาสตร์บางคนกล่าวว่าไม่มีผลกระทบต่อขีดจํากัดที่ตั้งไว้ในปี 2015 ซึ่งอธิบายถึงการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1800
อย่างไรก็ตาม คําเตือนของการศึกษาว่าอุณหภูมิโลกสูงขึ้นกําลังเป็นไปในทิศทางที่แย่ลง จากผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการกําหนดกรอบผลลัพธ์
“การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกําลังคร่าชีวิตผู้คนในตอนนี้” Friederike Otto นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศที่สถาบัน Grantham ของ Imperial College London กล่าว “ยิ่งลดการปล่อยมลพิษช้าลง ผลที่ตามมาก็จะยิ่งแย่ลงเท่านั้น โลกจะอุ่นขึ้น 1.7 องศาเซลเซียสในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นระดับที่ระบุได้จากเอกสารที่มีอยู่ หากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลไม่หยุดชะงักอย่างรวดเร็ว”
เรียบเรียงจาก Ocean Sponge Skeletons Suggest a More Significant History of Global Warming Than Originally Thought
ผู้เขียน
ชายหนุ่มผู้หลงไหลในกาแฟไม่ใส่น้ำตาล รักการเดินทางไปกับสินค้าของแบรนด์ Patagonia