ลิเบียน้ำท่วมหนัก เมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา ต้นเหตุจากพายุแดเนียล จนทำให้เขื่อนพังทลายลงมา 2 แห่ง เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ที่ประเทศมีผู้เสียชีวิตทะลุ 10,000 แล้ว
นายโอซามา ฮาหมัด ประธานรัฐสภาตะวันออกของประเทศลิเบีย ออกมาเปิดเผยว่า สาเหตุที่น้ำท่วมรุนแรงและฉับพลันล่าสุดตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 10 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา มีอิทธิพลมาจากพายุแดเนียล หรือ พายุไซโคลนแดเนียล ซึ่งเป็นพายุหมุนคล้ายเขตร้อนในทะเลเมติเตอร์เรเนียน (โดยพายุแดเนียล นับเป็นพายุหมุนเขตร้อนที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก นับตั้งแต่พายุไซโคลนนาร์กีสในปี 2553)
พายุฝนถล่มจากพายุแดเนียลทำให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง 3 วัน ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของลิเบีย จนสามารถวัดปริมาณน้ำฝนได้สูงถึง 400 มิลลิเมตรภายใน 24 ชั่วโมง (อาจกล่าวได้ว่าบางบริเวณที่ฝนตกลงมานั้น ดันมากกว่าปริมาณน้ำฝนตลอดทั้งปีอีก เพราะในพื้นที่ดังกล่าวปกติฝนตกเฉลี่ยอยู่ที่ 1.5 มิลลิเมตร ตลอดเดือนกันยายนเท่านั้น)
นอกจากนี้ จากการที่ฝนตกหนักเป็นประวัติกาล ทำให้ปริมาณน้ำฝนเอ่อล้นจนทำให้เขื่อน 2 แห่งแตก จนน้ำไหลเข้าท่วมเมืองเดอร์นา ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอย่างฉับพลัน ส่งผลให้เมืองพังพินาศย่อยยับ และสะพานพังทลายหลายแห่ง
ทั้งนี้เขื่อนแห่งแรกก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2547 แล้ว โดยมันไม่ได้รับการซ่อมบำรุงเลย ขณะที่แห่งที่สองไม่ใช่เขื่อนขนาดใหญ่ทำให้เมื่อฝนตกลงมาจนน้ำเอ่อล้น เขื่อนแห่งแรกที่มีความสูงเพียง 70 เมตร ก็ย่อมพังทลายลง และส่งต่อมาสู่เขื่อนที่สอง ที่ไม่สามารถรองรับปริมาณน้ำมหาศาลที่พุ่งเข้ามาได้
นายโอซามา อาลี หัวหน้าหน่วยงานฉุกเฉินและรถพยาบาลของลิเบีย รายงานต่อ CNN ว่า “หลังจากเขื่อนถล่มลงมา มวลน้ำก็ได้ไหลลงไปพื้นที่ใกล้เมืองเดอร์นา ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งและเต็มไปด้วยภูเขา นั่นจึงทำให้บริเวณที่อยู่อาศัยแถบนั้นถูกระแสน้ำที่ผสมกับดินโคลนพัดถล่ม สิ่งปลูกสร้างน้อยใหญ่ ยานพาหนะต่าง ๆ มากมาย ถูกพัดไปพร้อมกับน้ำ จนแทบไม่เหลือชิ้นดี”
ด้านนายออธมัน อับดุลจาลิล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประจำรัฐสภาตะวันออกของประเทศลิเบีย กล่าวว่า “เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นหายนะใหญ่ที่เกิดขึ้น มีภาพศพประชาชนนอนเกลื่อนอยู่หลายแห่ง บางพื้นที่ถูกน้ำท่วมจนตัดขาดกับโลกภายนอก และวอนให้นานาประเทศเข้าให้ความช่วยเหลือลิเบีย โดยเฉพาะทีมกู้ภัยที่จะมาเร่งช่วยประชาชนในแต่ละพื้นที่”
ขณะนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยและอาสาสมัครยังคงเร่งเดินหน้าค้นหาร่างผู้เสียชีวิตที่กระจายอยู่ตามพื้นที่บริเวณต่าง ๆ โดยคาดการณ์ว่ายังมีติดค้างอยู่ตามใต้ซากปรักหักพังอีกจำนวนมาก
โดยตอนนี้สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ OCHA รายงานมาว่าจำนวนยอดผู้เสียชีวิตสูงถึง 11,300 คน แล้ว (รายงานโดย CNN สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2566) นอกจากนี้ยังมีผู้เสียชีวิตนอกเมืองอีกราว 170 คน ส่วนภายในเมืองยังคงมีผู้สูญหายไม่ต่ำกว่า 10,100 คน
หน่วยงานด้านมนุษยธรรมหลายแห่งออกเตือนประชาชนและผู้รอดชีวิตถึงความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อจากน้ำหลังภัยพิบัติรุนแรง พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประชาชนเร่งอพยพออกจากพื้นที่ประสบภัยโดยด่วน มิฉะนั้นอาจต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหาร ที่พัก และยารักษาโรค อย่างรุนแรง
ผู้รอดชีวิตหลายคนต่างเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลายคนต้องเห็นภาพผู้คนพยายามหนีจากน้ำที่ไหลหลากราวกับสึนามิขนาดมหึมา และบางคนก็ถูกคลื่นน้ำพัดหายไปต่อหน้าต่อตา
รัฐบาลไทยสั่งให้ความช่วยเหลือ
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้ความช่วยเหลือกับประเทศลิเบีย โดยเตรียมส่งสารแสดงความเสียใจ พร้อมเงินบริจาคในนามประเทศไทยผ่านสถานเอกอัครราชทูต ลิเบีย จำนวน 1.5 ล้านบาท
ด้านนายเศรษฐาย้ำรัฐบาลไทยพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทั้งในด้านบุคลากรทางการแพทย์และเวชภัณฑ์
ภัยพิบัติในครั้งนี้ถือเป็นภัยพิบัติที่ร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งของโลก มีผู้คนมากมายสูญเสียบุคคลที่รักและบุคคลสำคัญไปกับอุทกภัยในครั้งนี้ เราขอส่งกำลังใจให้ชาวลิเบียก้าวผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้ด้วยดี
อ้างอิง
- “ลิเบีย” สอบสาเหตุ “เขื่อนแตก” ยอดเสียชีวิตจากน้ำท่วมกว่า 10,000 คน
- ลิเบียวิกฤต ฝนถล่มทำน้ำท่วมหนัก-เขื่อนแตก ดับแล้วกว่า 2,000 คน สูญหายอีกราว 6,000 คน
- บรรเทาทุกข์ถึง “ลิเบีย” ในที่สุด เขื่อนแตกดับพุ่ง 11,300 ส่วนทีมกู้ภัยนานาชาติปาดน้ำตาควานเจอศพจำนวนมากเปื่อยกำลังเน่ากลางเมดิเตอร์เรเนียน แต่เก็บไม่ได้
- วินาศภัยลิเบีย ทำไมความเสียหายจึงรุนแรงเช่นนี้ ในวันที่ยอดเสียชีวิตอาจเพิ่มสูงถึง 20,000 คน
- ภาพประกอบ Marwan Alfaituri/via REUTERS
ผู้เขียน
หนุ่มน้อยผู้หลงรักความไม่สมบูรณ์แบบ ออกเดินทางเพื่อเก็บภาพความงดงามของธรรมชาติ และชอบอ่านวรรณกรรมเป็นชีวิตจิตใจ
