จีนทุบสถิติใหม่! ร้อนที่สุดในรอบ 100 ปี โลกเราอาจกำลังก้าวสู่หายนะ 

จีนทุบสถิติใหม่! ร้อนที่สุดในรอบ 100 ปี โลกเราอาจกำลังก้าวสู่หายนะ 

เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทางการจีนวัดอุณหภูมิล่าสุด พบว่าอุณหภูมิในเดือนดังกล่าวสูงที่สุดแตะ 36.1 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในรอบ 100 ปี จนทำให้หลายฝ่ายเริ่มกังวลกับสถานการณ์ความแปรปรวนดังกล่าว  

เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ทางกรมอุตุนิยมวิทยาเซี่ยงไฮ้ได้ออกประกาศเตือนอุณหภูมิเฉลี่ยพุ่งสูงขึ้นครั้งแรกของปี โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจะเป็นพื้นที่ทางตอนใต้ของจีน รวมถึงมณฑลกุ้ยโจว ยูนนาน และเสฉวน ทางกรมอุตุฯ กล่าวว่า อุณหภูมิในครั้งนี้อาจพุ่งสูงเกินกว่า 35 องศาเซลเซียส หรือในบางพื้นที่อาจมากถึง 37-39 องศาเซลเซียส เลยทีเดียว  

ก่อนหน้านี้หลายพื้นที่เองก็ได้เผชิญกับปัญหาอุณหภูมิอยู่และได้ออกเตือนประชาชน เช่น ทางการมณฑลเสฉวนได้ออกเตือนว่าในบางพื้นที่อาจมีอุณหภูมิสูงถึง 42 องศาเซลเซียส และตัวเลขอุณหภูมิดังกล่าวก็ได้อยู่ยาวกว่า 3-5 วัน 

ทางกรมอุตุฯ ได้ออกมาให้ข้อมูลเพิ่มว่า ตัวเลขอุณหภูมิดังกล่าวนั้นถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่มีการเริ่มตรวจวัดอุณหภูมิมา โดยมันทำลายสถิติของช่วง 100 ปีที่ผ่านมาของจีนด้วย 

ทั้งนี้หลายฝ่ายเริ่มแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าวมากขึ้น เนื่องจากปกติแล้วช่วงเวลาที่มีอุณหภูมิสูงนั้น จะอยู่ในช่วงมิถุนายน กรกฎาคม และสิงหาคม แต่ในปีนี้กลับเกิดตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 

ปัญหาอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น เกิดจากช่วงก่อนหน้าได้มีคลื่นความร้อนเคลื่อนตัวผ่านประเทศจีนและประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลให้หลายพื้นที่มีอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นทะลุ 35 องศา ซึ่งไทยเองก็ประสบปัญหาดังกล่าวด้วยเช่นกัน 

อย่างไรก็ตามทางการก็ได้มีการอพยพประชาชนหลายพันคนในมณฑลเสฉวนทางตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อวันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการป้องกันของท้องถิ่น

นักวิทยาศาสตร์ได้เตือนว่าคลื่นความร้อนดังกล่าวจะเลวร้ายมากยิ่งขึ้น จากผลกระทบของวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่กำลังเป็นปัญหาหลักของโลกเราในตอนนี้  

หวัง ฮัว (Wang Hua) หัวหน้าแผนกพยากรณ์และติดตามทางทะเลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติของจีน กล่าวเตือนว่า การที่อุณหภูมิสูงขึ้นนั้น ส่งผลให้ชายฝั่งของจีนมีระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นด้วย  

ระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นี้ สร้างผลกระทบในระยะยาวให้แก่ประเทศจีนอย่างมาก เพราะมันได้กัดเซาะชายฝั่งและทำลายระบบนิเวศชายฝั่งทะเลไป อีกทั้งมันยังส่งผลกระทบต่อการจัดหาน้ำใต้ดินและการรุกล้ำของน้ำเค็มด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นผลกระทบที่เราจะมองข้ามไปไม่ได้โดยเด็ดขาด เราต้องเร่งหาทางแก้ไขให้ได้โดยด่วน ก่อนที่มันจะสายเกินแก้  

อ้างอิง 

ผู้เขียน

+ posts

หนุ่มน้อยผู้หลงรักความไม่สมบูรณ์แบบ ออกเดินทางเพื่อเก็บภาพความงดงามของธรรมชาติ และชอบอ่านวรรณกรรมเป็นชีวิตจิตใจ