สภาร่างกฎหมายของสหภาพยุโรปลงคะแนนเสียงผ่านกฎหมายห้ามใช้พลาสติกใช้แล้วทิ้ง เช่น หลอด มีดส้อม และไม้ปั่นหู เพื่อรับมือกับปัญหามลภาวะ และเพื่อผลักดันให้ผู้ผลิตใช้ความพยายามมากกว่านี้ในการรีไซเคิล มาตรการดังกล่าวผ่านสภาฯ เมื่อวันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2562 และจะบังคับใช้ในปี พ.ศ. 2564 โดยตั้งเป้าไปที่ผลิตภัณฑ์พลาสติกใช้แล้วทิ้งซึ่งพบตามชายฝั่งจำนวนมากที่สุด 10 อันดับแรก และผู้บริโภคมีทางเลือกอื่นทดแทน
กฎหมายดังกล่าวครอบคลุมถึงจาน ก้านลูกโป่ง บรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่ทำจากการขึ้นรูปพลาสติกโพลีสไตรีน รวมถึงทำจากพลาสติกที่ย่อยสลายได้ด้วยกระบวนการทางชีวภาพ (oxo-degradable plastic) ประเทศในสหภาพยุโรปสามารถเลือกวิธีของตัวเองในการลดปริมาณการใช้พลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง เช่น บรรจุภัณฑ์สำหรับใส่อาหารกลับบ้าน หรือแก้วเครื่องดื่ม นอกจากนี้ ยังต้องมีระบบจัดเก็บและรีไซเคิลขวดพลาสติกอย่างน้อยร้อยละ 90 ภายใน พ.ศ. 2573
บริษัทผลิตบุหรี่จะต้องจ่ายต้นทุนในการจัดเก็บก้นบุหรี่ในพื้นที่สาธารณะ ซึ่งก้นบุหรี่เป็นพลาสติกใช้แล้วทิ้งอันดับสองของขยะพลาสติกทั้งหมด “วันนี้เราได้ตัดสินใจก้าวที่สำคัญในการมลภาวะจากขยะพลาสติกในมหาสมุทรของเรา” Frans Timmermans รองประธานสภาฯ แห่งสหภาพยุโรปประกาศหลังจากที่กฎหมายดังกล่าวได้รับความเห็นชอบ 560 เสียง ไม่เห็นชอบ 35 เสียง และงดออกเสียง 28 เสียง “เราทำได้ สหภาพยุโรปกำลังตั้งมาตรฐานใหม่ที่ท้าทาย เพื่อกรุยทางให้กับทั้งโลก”
ปัจจุบัน สหภาพยุโรปรีไซเคิลพลาสติกเพียงราว 1 ใน 4 ของขยะพลาสติกทั้งหมดกว่า 25 ล้านตันในแต่ละปี การทิ้งขยะลงมหาสมุทรนั้นเป็นประเด็นสำคัญขึ้นเรื่อยๆ เพราะราวร้อยละ 85 ของขยะเหล่านั้นคือพลาสติก ความกังวลที่เพิ่มขึ้น เรื่องราวของวาฬที่ตายและพบซากพลาสติกในท้อง รวมถึงการตัดสินใจของประเทศจีนที่หยุดนำเข้าขยะ ทำให้อาจถึงเวลาอันควรที่สหภาพยุโรปต้องเดินหน้าแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
กลุ่มลอบบี้ยิสต์ EuroCommerce ซึ่งมีสมาชิกคือเหล่าซุปเปอร์มาร์เก็ตอย่าง Tesco, Lidl Carrefour และ Metro ระบุว่ารัฐบาลจะต้องมีส่วนร่วมในการช่วยให้ระบบรีไซเคิลประสบความสำเร็จ “หากเราไม่มีระบบโครงสร้างพื้นฐานในการจัดการขยะที่พร้อม และโรงงานรีไซเคิลที่เพียงพอ เราไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการเป็นเศรษฐกิจปิดวงจรได้” Christian Verschueren ผู้อำนวยการ EuroCommerce ระบุ