มีมที่บอกว่า “Humans Are the Virus” ผิดตรงไหนหรอ

มีมที่บอกว่า “Humans Are the Virus” ผิดตรงไหนหรอ

มีช่วงหนึ่งที่มีกระแสบอกว่า Coronavirus นั้นถือเป็นเรื่องดี ซึ่งบางคนบอกว่าเป็นวิธีการที่ธรรมชาติ เลือกใช้ในการรักษาโลกใบนี้ และก็เป็นการลงโทษเผ่าพันธุ์มนุษย์สำหรับสิ่งที่เราได้ทำกับโลกใบนี้

กลุ่มคนที่เสนอความคิดเหล่านี้จะยกตัวอย่างเรื่องดี ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงการแพร่ระบาด coronavirus เช่น การสัตว์ป่าที่กลับเข้ามาในพื้นที่เมือง (ที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นพื้นที่ของพวกมันแล้วมนุษย์ค่อยมาบุกรุก) และการลดลงของมลพิษทางอากาศ ในการพิสูจน์ว่าแท้จริงมนุษย์นั้นสมควรแล้วที่โดนวิกฤติการณ์นี้เล่นงาน เหมือนกับสำนวนไทยสำนวนหนึ่งที่กล่าวว่า “กรรมตามทัน” กรรมจากบาปของเราต่อสิ่งแวดล้อมโลก

ความจริงที่มนุษย์ควรรู้ไว้คือทุกอย่างนั้นต่างก็เป็น subset ของธรรมชาติ ไม่เว้นแม้แต่มนุษย์ แต่ปัญหามันเกิดขึ้นเมื่อมนุษย์บางกลุ่มพยายามที่จะคุม และอยู่เหนือกฎแห่งธรรมชาติเพื่อกอบโกยผลประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติให้มาอยู่ในวังวนแห่งตัณหาของตน ธรรมชาติจึงตอบกลับ และเตือนสติคนเหล่านี้ด้วยวิกฤติการณ์ Coronavirus เพื่อให้เห็นว่าไม่ว่าคุณเป็นใครคุณก็ยังอยู่ภายใต้กฎแห่งธรรมชาติ มีสิทธิ์ที่จะติดเชื้อ มีสิทธิ์ที่จะรักษาให้หาย และมีสิทธิ์ที่จะเสียชีวิต เหมือนกันหมด ที่สำคัญมันแสดงให้เห็นว่ายังมีหลายสิ่งที่มนุษย์นั้นต้องทำ และต้องหยุดทำ เพื่อคุณภาพที่ดีของชีวิตมนุษย์ และคุณภาพที่ดีของธรรมชาติ หรือเราจะเลือกการเผชิญหน้าความเสี่ยงที่จะสูญเสียทุกสิ่งไป

ในกลุ่มคนที่สนับสนุน Coronavirus ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกนักสิ่งแวดล้อมหัวรุนแรงมักจะพูดถึงหลักการที่มีเนื้อหาประมาณว่ามนุษย์นั้นคือเชื้อโรคที่ต้องได้รับการทำความสะอาด แต่มันมีอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้หลักการนี้ดำเนินไปอย่างไม่เป็นธรรมนัก คือ การเหยียดที่ปะปนอยู่ในสังคมมนุษย์ ในบางประเทศนั้นบรรดาผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ต่างเป็นคนผิวสีที่คาดว่าน่าจะมาจากการเหยียดสีผิว ทำให้เกิดการเลือกปฏิบัติในการรักษาพยาบาลขึ้น 

บางคนเชื่อว่าจะสามารถตัดความสัมพันธ์ของมนุษย์กับธรรมชาติได้จริง ๆ ว่ากันว่านโยบายหลัก ๆ ของธุรกิจที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมคือการทำให้ผู้คนต่างเชื่อกันว่ามนุษย์กับธรรมชาตินั้นไม่ได้มีความเกี่ยวโยงกัน และพยายามให้ผู้คนไม่สนใจกับผลกระทบจากการปล่อยคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศ กระบวนการทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มคนรวยบางกลุ่มเท่านั้น

การปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศก็เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ธุรกิจอุตสาหกรรมใช้แอบอ้างแบบปลอม ๆ ต่อสิ่งที่พวกเขาทำว่ามันไม่มีผลกระทบต่อโลกธรรมชาติ การคัดค้านต่อทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้นทำได้ง่ายมากนักอุตสาหกรรม และผู้สนับสนุนต่าง ๆ ได้ใช้วิธีแก้ปัญหาแบบผิด ๆ มาแอบอ้างให้เรารู้สึกดี เช่น การจ่ายเงินสำหรับการปล่อยคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่วิธีการหลักในการแก้ปัญหานี้คือต้องแก้ที่ต้นเหตุ นั่นก็คือการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ซึ่งก็หมายความว่าต้องลดกำลังการผลิตลง ซึ่งทั้งหมดนั้นถูกทำไปก็เพื่อให้พวกเราสบายใจ และเลิกสนใจว่าอุตสาหกรรมนั้นส่งผลกระทบต่อธรรมชาติ

บริษัทที่ผลิตพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง มักมีความเชื่อมโยงกับบริษัทที่ขุดหาน้ำมัน บริษัทน้ำมันปาล์ม บริษัทสมาร์ทโฟน บริษัทที่ชอบปล่อยแฟชั่นใหม่ถี่ ๆ และบริษัทอื่น ๆ แทบทุกอันที่ใช้วิธีเดียวกันในการขายผลผลิตกับบริษัทเหล่านี้ ส่วนประกอบทั้งหมดของความทันสมัย และการโฆษณาที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรานั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อแยกเราออกจากโลกธรรมชาติ และใช้ชีวิตต่อไปในวงจรที่ทำผลกำไรที่เพิ่มขึ้น และการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ไม่มีที่สิ้นสุดของบริษัทเหล่านี้

แต่ความจริงคือเราไม่ได้แยกจากธรรมชาติเลย ทั้งการขุดน้ำมัน การเปลี่ยนที่ดินป่าให้กลายเป็นการเกษตรเชิงเดี่ยว การตกปลามากเกินไป และมลภาวะรุนแรงที่คุกคามต่อโลกของเราอยู่ ในความเป็นจริงแล้วสิ่งเหล่านี้นี่แหละผูกชะตากรรมของเรากับโลกธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกัน สุดท้ายแล้วก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เราปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศจะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นจนน้ำท่วมบ้านของเรา 

ถ้าอย่างนั้นเราอาจจะต้องยอมรับความจริงของมีมที่กล่าวว่า “Humans Are the Virus” เพราะในขณะที่เรากำลังทำร้ายโลกใบนี้อยู่ เราก็เปรียบเสมือนไวรัสที่กำลังทำร้ายตัวผู้อยู่อาศัยไม่มีผิด แท้จริงแล้วช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่เราต้องยอมรับถึงความสัมพันธ์ของเรากับโลกใบนี้มากขึ้นกว่าเดิม เช่นเดียวกับที่ต้นไม้ต้องการน้ำในการงอกงาม และปลาวาฬต้องการแพลงก์ตอนเพื่อการเจริญเติบโต เราต้องการโลกใบนี้เพื่อที่เรา และลูกหลานจะมีชีวิตอยู่ต่อไป และเราต้องแก้ไขความสัมพันธ์ของเราให้เร็วถ้าเรายังอยากที่จะมีอนาคตร่วมกัน

มันเป็นเรื่องน่าดีใจที่ได้เห็นสัตว์ป่าหวนกลับมา และมลภาวะทางอากาศที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน แต่เราไม่ต้องการโรคระบาดเพื่อที่จะแสดงให้เราเห็นว่าเราสามารถทำให้โลกดีขึ้นได้ ก่อนอื่นเราต้องยอมรับว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติมากพอ ๆ กับดอกไม้ในสวนสาธารณะ แล้วจึงจัดการกับกลุ่มคนหรือธุรกิจที่ส่งผลเสียต่อธรรมชาติของโลกใบนี้ เราถึงจะสามารถซ่อมแซมความเสียหายที่เราเคยได้ทำกับโลกใบนี้ได้ 

หากไวรัสแสดงให้เราเห็นว่าอะไร สิ่งนั้นคงจะเป็นความเสียหายที่เราได้ทำกับความสัมพันธ์ของเรา และธรรมชาติ ที่พร้อมที่จะคืนดีกับเรา และมันยังได้แสดงให้เห็นถึงสิ่งดี ๆ ที่จะเกิดขึ้นถ้าเราใส่ใจที่จะดูแลความสัมพันธ์นี้

 


ถอดความและเรียบเรียงจาก What the ‘Humans Are the Virus’ Meme Gets So Wrong
ถอดความและเรียบเรียงโดย วณัฐพงศ์ ศิริวิภานันท์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร