เดือนมกราคม 2563 ทุบสถิติ ร้อนที่สุด ในหน้าประวัติศาสตร์

เดือนมกราคม 2563 ทุบสถิติ ร้อนที่สุด ในหน้าประวัติศาสตร์

เดือนที่ผ่านมา คือมกราคมที่ ร้อนที่สุด เท่าที่เคยบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ทั้งบนพื้นผิวดินและพื้นผิวมหาสมุทร โดยค่าเฉลี่ยของอุณหภูมิสูงกว่าที่เคยบันทึกไว้ตลอด 141 ปีที่ผ่านมา ซึ่งรวบรวมโดยองค์การบริหารสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (National Oceanic and Atmospheric Administration : NOAA)

อุณหภูมิที่ทุบสถิติในเดือนมกราคมเป็นหนึ่งปีหลังจากเดือนมกราคมที่อุ่นอย่างยิ่งเมื่อ พ.ศ. 2562 ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดเป็นอันดับสองนับตั้งแต่มีข้อมูลการวัดอุณหภูมิที่น่าเชื่อถือ เช่นเดียวกับตลอดทศวรรษที่ผ่านมาซึ่งนับว่าร้อนที่สุดในรอบ 150 ปี ข้อมูลนี้นับว่าเป็นตัวชี้วัดสำคัญถึงความรวดเร็วและรุนแรงของวิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ข้อมูลของ NOAA ระบุว่าอุณหภูมิเฉลี่ยบนพื้นผิวดินและพื้นผิวมหาสมุทรเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาสูงกว่าค่าเฉลี่ยของศตวรรษที่ 21 อยู่ที่ 1.14 องศาเซลเซียส กระแสความอุ่นที่ผิดปกติเป็นที่รับรู้ทั้งในรัสเซีย สแกนดิเนเวีย และทางตะวันออกของแคนาดาซึ่งอุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 5 องศาเซลเซียสหรือมากกว่า เมืองโอเรโบร (Orebro) ของสวีเดนเผชิญกับอุณหภูมิเฉลี่ยสูงถึง 10.3 องศาเซลเซียส ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่ พ.ศ. 2401 ขณะที่วันที่ร้อนที่สุดในบอสตัน สหรัฐอเมริกา อุณหภูมิสูงถึง 23 องศาเซลเซียส

ผลกระทบต่อทวีปแอนตาร์กติกจากอุณหภูมิที่พุ่งสูงเริ่มเห็นชัดในเดือนกุมภาพันธ์ ภูมิภาคขั้วโลกใต้ได้ทุบสถิติโดยมีอุณหภูมิสูงถึง 20 องศาเซลเซียสเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังอุณหภูมิที่สูงผิดปกติที่ 18.3 องศาเซลเซียสเมื่อ 3 วันก่อนหน้า นักวิทยาศาสตร์กล่าวถึงตัวเลขดังกล่าวว่า “ยากจะเชื่อและผิดปกติ”

ร้อนที่สุด ในหน้าประวัติศาสตร์

NOAA ระบุว่าตั้งแต่ พ.ศ. 2559 เป็นต้นมาคือช่วงเวลาที่มีการบันทึกเดือนมกราคมที่ร้อนที่สุด 4 อันดับแรก ในขณะที่เดือนมกราคมที่ร้อนที่สุด 10 อันดับแรกต้องนับย้อนกลับไปถึง พ.ศ. 2545 

รัฐบาลทั่วโลกได้ตกลงร่วมกันเมื่อ พ.ศ. 2558 ว่าต้องการไม่ให้อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 2 องศาเซลเซียสหากเทียบกับยุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม เพื่อป้องกันอุทกภัยครั้งใหญ่ ความไม่มั่นคงทางอาหาร คลื่นความร้อน และการอพยพครั้งใหญ่ของประชาชน 

อย่างไรก็ดี การปลดปล่อยแก๊สเรือนกระจกจากกิจกรรมของมนุษย์ซึ่งเป็นสาเหตุของโลกร้อนกลับไม่มีสัญญาณใดๆ ว่าลดปริมาณลง ไม่ต้องกล่าวถึงความพยายามลดปริมาณการปล่อยแก๊สเรือนกระจกอย่างมากเพื่อบรรลุเป้าหมายจำกัดอุณหภูมิไม่ให้เพิ่มเกิน 2 องศาเซลเซียส นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า หากต้องการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ทั่วโลกจะต้องลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจกลงครึ่งหนึ่งภายใน 10 ปีข้างหน้าเพื่อให้มีโอกาสหลีกเลี่ยงหายนะจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

 


ถอดความและเรียบเรียงจาก Earth just had hottest January since records began, data shows
ถอดความและเรียบเรียงโดย รพีพัฒน์ อิงคสิทธิ์