ถ่านหินตายแล้ว เพราะถูกฆ่าด้วยแก๊สธรรมชาติซึ่งกำลังถูกแทนที่ด้วยพลังงานหมุนเวียนและแบตเตอรี่

ถ่านหินตายแล้ว เพราะถูกฆ่าด้วยแก๊สธรรมชาติซึ่งกำลังถูกแทนที่ด้วยพลังงานหมุนเวียนและแบตเตอรี่

ทศวรรษที่ผ่านมา ถ่านหินกำลังค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยพลังงานที่ทั้งสะอาดกว่าและราคาต่ำกว่า ในสหรัฐอเมริกา การผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินลดลงถึงร้อยละ 44 (ราว 866 เทราวัตต์-ชั่วโมง) โดยถูกเปลี่ยนเป็นไฟฟ้าจากแก๊สธรรมชาติ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 45 หรือราว 400 เทราวัตต์-ชั่วโมง) และพลังงานหมุนเวียน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 260 หรือราว 200 เทราวัตต์-ชั่วโมง) รวมทั้งการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น (สหรัฐใช้พลังงานน้อยละร้อยละ 9 หรือคิดเป็นราว 371 เทราวัตต์-ชั่วโมง เมื่อเปรียบเทียบกับทศวรรษที่ผ่านมาก)

การเปลี่ยนแหล่งพลังงานจากถ่านหินไปยังเชื้อเพลิงชนิดอื่นจะช่วยลดการปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ และทำให้ภาวะโลกร้อนเกิดขึ้นช้าลง อย่างไรก็ดี มีงานวิจัยระบุว่าแก๊สธรรมชาติที่ราคาถูกลงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมานั้น ไม่ได้ช่วยลดการปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์มากอย่างที่คิด เนื่องจากแก๊สธรรมชาติได้แย่งส่วนแบ่งตลาดจากทั้งโรงไฟฟ้าถ่านหิน และพลังงานหมุนเวียนไม่ต่างกัน นอกจากนี้ แหล่งขุดเจาะแก๊สธรรมชาติยังมีแก๊สมีเทนรั่วไหลออกมาอีกด้วย

งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งซึ่งเผยแพร่เมื่อ พ.ศ. 2557 ก็ได้ข้อสรุปคล้ายคลึงกันว่า การเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าจากถ่านหินเป็นแก๊สธรรมชาตินั้น ไม่ได้มีส่วนช่วยชะลอการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเท่าที่ควรเนื่องจากการรั่วไหลของมีเทน อย่างไรก็ดี แก๊สธรรมชาติถือเป็นพลังงานทางเชื่อม (bridge fuel) ระหว่างถ่านหินกับพลังงานหมุนเวียน

รัฐแคลิฟอร์เนียเป็นตัวอย่างที่ดีในฐานะผู้นำด้านพลังงานสะอาด เดิมทีรัฐแคลิฟอร์เนียแทบไม่ได้ผลิตไฟฟ้าจากถ่านหิน แต่ใช้แก๊สธรรมชาติคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 3 ของพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด ส่วนอีกร้อยละ 25 มาจากพลังงานลม แสงอาทิตย์ ความร้อนใต้พิภพ และ ร้อยละ 10 สุดท้ายมาจากพลังงานน้ำ เมื่อปีที่ผ่านมา สัดส่วนพลังงานหมุนเวียนก็เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 10 แทนที่การผลิตไฟฟ้าจากแก๊สธรรมชาติ

ความเป็นจริงแล้ว แคลิฟอร์เนียผลิตไฟฟ้าจากแก๊สธรรมชาติเกินความต้องการ เนื่องจากโรงไฟฟ้าแก๊สธรรมชาติยังจำเป็นในการสร้างความมั่นใจว่าโครงข่ายไฟฟ้าจะมีเสถียรภาพ อย่างไรก็ดี ในหลายกรณี พลังงานหมุนเวียนก็เพียงพอที่จะสร้างความเชื่อมั่นดังกล่าว จากการผสมผสานระหว่างพลังงานแสงอาทิตย์และแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง

ล่าสุด คณะกรรมการสาธารณูปโภครัฐแคลิฟอร์เนีย (the California Public Utilities Commission) ระบุให้บริษัท Pacific Gas & Electric ติดตั้งแบตเตอรี่ หรือแหล่งอื่นๆ ที่ดีกว่า (พลังงานหมุนเวียน หรือการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน) เพื่อให้มั่นใจได้ว่าระบบไฟฟ้ามีความมั่นคง เพื่อจัดการปัญหาช่วงเวลาที่มีการใช้ไฟฟ้าค่อนข้างมาก ซึ่งก่อนหน้านี้จำเป็นต้องให้โรงไฟฟ้าแก๊สธรรมชาติเดินเครื่องผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว

อย่างไรก็ดี บริษัทผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้าก็มองว่าการใช้โรงไฟฟ้าเป็นแหล่งพลังงานสำรองอาจไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจอีกต่อไป เนื่องจากมีการเดินเครื่องน้อยครั้งลงเรื่อยๆ เพราะพลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น รายได้จากการให้บริการสร้างความเชื่อมั่นแก่ระบบไฟฟ้าอาจไม่เพียงพอต่อค่าบำรุงรักษาโรงงานให้พร้อมเดินเครื่องตลอดเวลา

จุดเปลี่ยนที่สำคัญคือราคาของแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง จนทำให้สามารถแข่งขันได้กับโรงไฟฟ้าแก๊สธรรมชาติที่จะเดินเครื่องเฉพาะช่วงเวลาที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้ามากเป็นพิเศษ นอกจากนี้ เทคโนยีที่จะมาทดแทนโรงไฟฟ้าแก๊สธรรมชาตินั้นมีมากกว่าแบตเตอรี่ราคาถูก รัฐแคลิฟอร์เนียได้ผลักดันให้ผู้บริการไฟฟ้าทุกรายพัฒนาแผนบูรณาการทรัพยากรที่ตั้งเป้าหมายว่าจะลดการปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ร้อยละ 40 ภายใน พ.ศ. 2573 และเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าวก็จำเป็นต้องหยุดเดินเครื่องโรงไฟฟ้าแก๊สธรรมชาติที่ไม่จำเป็น

 

การเปลี่ยนผ่านจะต้องเร็วขึ้น

ต้องนึกไว้เสมอว่าโรงงานไฟฟ้าที่สร้างในวันนี้จะต้องเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าต่อเนื่องอีกนับสิบปี การตัดสินใจของเราในวันนี้จึงจะอยู่กับเราไปอีกนานในอนาคต จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายรัฐในสหรัฐอเมริกาจะโดนกดดันจากกลุ่มต่างๆ ให้ร่างแผนพลังงานใหม่ที่เปลี่ยนจากโรงไฟฟ้าแก๊สธรรมชาติไปยังทางเลือกพลังงานหมุนเวียนซึ่งราคาถูกกว่า โดยมองว่าพลังงานหมุนเวียนดังกล่าวไม่ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนของราคาแก๊สธรรมชาติในตลาด

ยิ่งไปกว่านั้น หากมีการเก็บภาษีคาร์บอนเมื่อไหร่ ก็เป็นอันว่าพลังงานหมุนเวียนจะชนะเชื้อเพลิงฟอสซิลขาดลอย ซึ่งปัจจุบัน ราคาแก๊สธรรมชาติในตลาดไม่ได้สะท้อนต้นทุนของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งเกิดจากแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนี้ Laura Wisland นักวิทยาศาสตร์พลังงาน สมาชิกของสหภาพนักวิทยาศาสตร์ผู้ห่วงใย (Union of Concerned Scientists) ระบุว่า

“โชคดีที่ราคาของพลังงานหมุนเวียนและแบตเตอรี่ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องจนสามารถแข่งขันได้กับแก๊สธรรมชาติ และราคาถูกกว่าถ่านหิน หากเรายังต้องการเดินหน้าหลีกเลี่ยงสภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนผ่านจากเชื้อเพลิงฟอสซิลสู่พลังงานหมุนเวียนจะต้องเกิดขึ้นเร็วกว่านี้”

 


ถอดความและเรียบเรียงจาก Natural gas killed coal – now renewables and batteries are taking over โดย Dana Nuccitelli
ถอดความและเรียบเรียงโดย รพีพัฒน์ อิงคสิทธิ์