มุมมองและแนวคิดการทำประมงที่คำนึงถึงระบบนิเวศ กับการทำประมงปลากะตัก

มุมมองและแนวคิดการทำประมงที่คำนึงถึงระบบนิเวศ กับการทำประมงปลากะตัก

มุมมองและแนวคิดการทำประมงที่คำนึงถึงระบบนิเวศ (Ecosystem Based Fisheries Management) กับการทำประมงปลากะตัก โดย รศ.ดร.กังวาลย์ จันทรโชติ

สิ่งแวดล้อมในทะเลอ่าวไทยเป็นอย่างไร องค์ความรู้ที่จะนำมาตัดสินใจในวันนี้เรามีครบแล้วหรือยัง รวมถึงสมมติฐาน เราตกผลึกเรื่องนี้กันอย่างไร วิธีการเก็บข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์เก็บอย่างเป็นธรรมหรือไม่ หรือใช้จากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้หรือป่าว รวมถึงต้องวิเคราะห์ข้อมูลจากการประมง จากสิ่งแวดล้อม ข้อมูลเชิงนิเวศ ต้องเอามาใช้ร่วมกันในการพิจารณาต่างๆ

‘ปลากะตัก’ เป็นปลาตัวเล็ก ในการบริหารจัดการ เราไม่ได้ใช้หลักวิชาการในการบริหารจัดการ แต่ใช้ความรู้สึกกันเป็นส่วนใหญ่ ในฐานะที่ทำเรื่องบริหารจัดการมากว่า 40 ปี ได้มีโอกาสร่วมงานกับต่างประเทศและได้เห็นตัวอย่างมาอย่างประเทศเปรูและญี่ปุ่น 

‘เปรู’ ปลากะตักจะตัวใหญ่ ประมาณ 10 เซนติเมตร อวนที่เขาจับจะมีตาที่ใหญ่ แต่ของ ‘ญี่ปุ่น’ เขาให้จับปลาชิราสึ หรือ ปลาข้าวสาร ใช้อวนลากที่มีตาถี่ๆ ถามว่ามีผลกระทบไหม ในประเทศญี่ปุ่นมีการศึกษาแล้วว่าลูกปลาที่เอาขึ้นมามันยังน้อยกว่าปลาที่ตายในธรรมชาติ 

ดังนั้นสิ่งแรกที่ต้องทำในการบริหารจัดการระบบใดๆ ก็แล้วแต่ (1) ควรมีวัตถุประสงค์ว่าทำเพื่ออะไร (2) การอภิบาลการประมง มีอยู่ 3 สิ่งที่ต้องดูให้ดี ‘ระบบอภิบาล’ : ระบบธรรมชาติ ไม่ได้ดูแต่ปลาอย่างเดียว ต้องดูเรื่องระบบนิเวศ หรือสิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศทางน้ำที่มีอยู่ในขณะนั้นด้วย เพราะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ขนาดประชากรสัตว์น้ำเล็กหรือใหญ่ขึ้นกับความสามารถในการรองรับของสิ่งแวดล้อม หรือ ค่า K ถ้าค่า K ต่ำ ประชากรจะเล็ก ค่า K สูง ประชากรจะใหญ่ 

“ถ้าย้อนกลับมาดูที่อ่าวไทย ทำไมสัตว์น้ำน้อยลง แล้วเราเอาแต่โทษชาวประมง ไม่เคยดูเลยว่าอ่าวไทยสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมไปมากน้อยขนาดไหน”

ทำไมปลาทูในอ่าวไทยลดน้อยลง เพราะฉะนั้นสัตว์ทุกชนิดมีจิตวิญญาณเหมือนกัน มันว่ายมาถึงเพชรบุรีพอจะเข้าเขตมหาชัย เจอน้ำไม่ดีกลับดีกว่า ขึ้นไปโอกาสตายก็สูง อยู่ยาก จะเห็นว่าเพชรบุรี ประจวบขีรีขันธ์จะจับปลาทูได้เยอะ เพราะฉะนั้นรูปแบบการอพยพย้ายถิ่นฐานมันเปลี่ยนไป พวกเราต้องนำสิ่งเหล่านี้มาศึกษาให้ละเอียด แม้แต่ค่าพารามิเตอร์ต่างๆ ที่เรานำมาใช้ในการประเมินผลผลิตสูงสุดที่ยั่งยืนของทรัพยากรสัตว์น้ำ (Maximum Sustainable Yield : MSY) การประเมินค่า MSY มันอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้ ขนาดแรกการวางไข่อาจจะเล็กลงก็ได้ เพราะฉะนั้นไอพวกนี้ต้องนำมาคิด  

อันที่สองที่เราต้องดู ‘คน’ เราต้องดูคนในสังคมว่ามีอาหารที่เป็นสัตว์น้ำพอเพียงในการบริโภคหรือไม่ หากพูดถึงความมั่นคงทางอาหาร ก็ต้องดูความยั่งยืนของชุมชนประมง ความมั่นคงของอุตสาหกรรมประมง ปัจจุบันอุตสาหกรรมประมงเป็นอุตสาหกรรมที่เปราะบาง เพราะว่าเมื่อประเทศเรามีการพัฒนามาถึงระดับหนึ่ง ถ้าหาก service sector เจริญก้าวหน้าดี คนจะเลิกทำงานประมง 

https://urbancreature.co/passion-for-better-scg/

ปีที่แล้วผมได้มีโอกาสไปดูชาวประมงทางภาคใต้ พบว่าจำนวนชาวประมงพื้นบ้านรุ่นใหม่เริ่มน้อยลง คนที่อยู่ในเรืออายุเยอะขึ้น ถามว่าลูกชาวประมงหายไปไหน เขาขายปลา เขาเอาปลาที่พ่อแม่หามาเอาไปขาย เพราะเขารู้ว่าทำแบบนี้ได้เงินมากกว่า แทนที่เหนื่อยยากออกไปหาปลา เพราะฉะนั้นประเทศไทยจะเป็นเหมือนไต้หวัน ญี่ปุ่นที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ไม่มีชาวประมง ชาวประมงจะหายไป 

อีกทั้งระบบที่เราอภิบาลก็ต้องดูให้รอบด้านว่าสอดคล้องกับกฎหมายต่างๆ หรือไม่ สถานการณ์ทางสิ่งแวดล้อมกับทรัพยากรและชาวประมงเป็นอย่างนี้ เราควรจะใช้หลักคิดอย่างไรในการเข้าไปบริหารจัดการ และเมื่อเราเอาหลักการเหล่านั้นมาใช้แล้วใช้เลย ใช้แล้วเกิดปฏิสัมพันธ์ มีการโต้แย้งการคล้อยตามกันบ้างไหม 

การอภิบาลเราต้องดูอะไรบ้าง 

1. ทฤษฎี แต่ก็ต้องระวังว่าสมมติฐานนั้นทำให้การตัดสินใจเสี่ยงมากน้อยขนาดไหน 

2. งานวิจัย ซึ่งการดูงานวิจัยก็มีข้อจำกัดอีกเหมือนกัน วิธีการเก็บข้อมูลถูกต้องตามหลักวิชาการหรือไม่ ต้องมั่นใจว่าสิ่งที่เก็บมานั้นเป็นตัวแทนของประชากรทั้งหมดได้ใกล้เคียงมากที่สุด การเก็บข้อมูลเก็บอย่างไร ซึ่งการเก็บปลากะตักตามหลักทฤษฎีที่ใช้กันทั่วโลก เมื่อเราล้อมอวนเสร็จแล้ว เราจะต้องเก็บ 3 จุด ซ้าย กลาง ขวา แล้วแต่ละจุดต้องเก็บ 3 ซ้ำ แล้วกะชอนที่ใช้ต้องมาตรฐาน เก็บมาในปริมาณที่เท่ากัน ถ้าอย่างนี้เป็นวิธีการสุ่มตัวอย่างที่เป็นตัวแทนของประชากรทั้งหมดได้ ถึงจะมีทั้งหมดแต่ก็ยังเชื่อไม่ได้ เราก็ต้องมาดูผลที่ได้มานั้น นักวิจัยได้แปลความหมายหรือสังเคราะห์ข้อมูลนั้นว่าอย่างไร ข้อมุลชุดเดียวกันจะเขียนให้บวกหรือลบก็ได้ เพราะฉะนั้นเราที่เป็นนักบริหารจัดการต้องดูอย่างเข้าใจ 

3. ข้อมูลสถิติที่เป็นทางการ เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่ดู สถิติดีจะทำให้ตัดสินใจพลาด 

4. ความเป็นจริงในปัจุบันและอดีตที่ผ่านมา คนที่เข้ามาบริหารจัดการ (กรมประมง) ต้องมีความรู้ความเข้าใจที่เกิดขึ้นจริงๆ จะต้องเข้าถึงเข้าใจวิถีชาวประมงเป็นอย่างดี 

แล้วเอาทั้ง 4 อย่างนี้มาประมวลแปรความหมายสังเคราะห์ออกมาแล้วเราถึงจะได้ข้อเสนอแนะในเชิงนโยบายที่ชัดเจน

สุดท้ายการกำหนดนโยบาย ในการกำหนดเงื่อนไขต่างๆ นั้น แต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน การทำประมงปลากะตักบริเวณประจวบ ระยองอาจจะไม่เหมือนกัน ถ้าหากเรามีข้อมูลเรื่องการแพร่กระจายของลูกปลา จะรู้ว่าต้องทำอย่างไร ในสิ่งที่พวกเราขาดคือข้อมูลเหล่านี้ ซึ่งที่ผ่านมาผมต้องอาศัยข้อมูลสถิติกับข้อมูลข้อเท็จจริงที่ได้พูดคุยกับชาวบ้าน นี่เป็นสิ่งที่ได้เรียนรู้จากชาวบ้านในช่วง 40 ปีนี้

รศ.ดร.กังวาลย์ จันทรโชติ

ร่วมลงชื่อคัดค้าน ยกเลิกการแก้ไขมาตรา 69 พรก. การประมง โดยอนุญาตให้ใช้อวนตาถี่และวิธีล้อมจับในเวลากลางคืน

ถอดความและเรียบเรียงจากเสวนาวิชาการ เรื่อง “ข้อคำนึงทางนิเวศวิทยา ต่อการทำประมงปลากะตักประกอบแสงไฟ” โดย รศ.ดร.กังวาลย์ จันทรโชติ จัดโดย สมาคมวิทยาศาสตร์ทางทะเลแห่งประเทศไทย 25 มกราคม 2568