ตามหาใครขโมยปลา

ตามหาใครขโมยปลา

ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น

รัฐสภากำลังจะผ่านกฎหมายมาตรา 69 ในการปรับปรุงกฎหมายประมงครั้งใหม่ หากมาตรานี้ผ่านรัฐสภาไปได้ จะเป็นการเปิดช่องให้นำเทคโนโลยีเครื่องมือประมงจับสัตว์น้ำด้วยอวนตาถี่ 6 มิลลิเมตร ในเวลากลางคืนพร้อมแสงไฟล่อ ซึ่งจะไม่ใช้แค่ปลาเป้าหมายที่จะเข้ามาแต่เป็นการล่อปลาเล็กปลาน้อย รวมถึงสัตว์น้ำวัยอ่อนมาทั้งหมด ซึ่งการแก้ไขกฏหมายในข้อนี้จะส่งผลในระยะยาวต่ออนาคตของทะเลไทย กับทุกคนในสังคม

วันที่ 26 มกราคม 2568

เหล่านักรบผ้าถุงและชาวประมงท้องถิ่น เดินทางนับพันกิโลจากทะเลมุ่งหน้าสู่กลางเมืองกรุงเทพฯ เพื่อตามหาใครขโมยปลาผ่านศิลปะบนผืนผ้าและร่วมส่งเสียงถึงคนไทยทุกคน

จันทิมา ชัยบุตรดี หรือ นิเน๊าะ ตัวแทนกลุ่มนักรบผ้าถุง กล่าวว่า “เราไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน และเราจะคัดค้านอย่างเต็มที่ คัดค้านจนให้ถึงที่สุด เราจะไม่ปล่อยให้เขามาทำลายทะเลของเมืองไทยที่เป็นแหล่งอาหารของโลกด้วยซ้ำไป ปลาทูพี่น้องได้กินอย่างอเล็ดอร่อย แต่เขาพาไปให้เป็ดให้ไก่กินเพราะเขาจับตั้งแต่ตัวเล็กๆ เขาไม่สามารถได้โตเต็มวัยให้พวกเราได้กินได้ นี่ปลาทูแล้วปลาอย่างอื่นล่ะ มันไม่ใช่เฉพาะปลาทูที่อวนเหล่านี้กวาดจากท้องทะเลไป ไม่ว่าเป็นปลาอินทรีย์ ปลาจะระเม็ด ปลาเศรษฐกิจทั้งหลายแหล่มันก็ต้องหมดไปเหมือนกัน ดังนั้นแล้วเราจะเก็บอะไร เราต้องกินอะไร เพราะฉะนั้นอยากให้ สส. หรือ สว. ที่จะโหวตให้มาตรานี้ผ่านไป ขอเรียกร้องให้หยุดเพราะมันจะเป็นการทำลายล้างทรัพยากรของประเทศชาติอย่างแน่นอน”

ความในใจของชาวประมงท้องถิ่น

ครูกอเฉม – “ ทะเลกำลังร้องไห้ ปลาน้อยใจกำลังสูญหาย อากาศบริสุทธิ์ถูกทำลาย พอเถอะคนใจร้าย พอเสียที วันนี้เราเดินทางนับหนึ่งพันกิโลมาเพื่อเจอกับคนกรุงเทพฯ เราหวังน้ำใจจากกรุงเทพฯ หวังน้ำใจจากทุกคนมาร่วมกันสื่อสาร วันนี้กำลังจะมีกฎหมายม.69

เรามีอวนหลากหลายชนิด อวนปลา อวนปู อวนหมึก อวนกุ้ง เราแยกให้การจับเพื่อเคารพ เพื่อเป็นมิตรกับทรัพยากร ที่เป็นอาหารของพวกเราทุกคน อาหารไม่ใช่ของพวกเราแต่เป็นของทุกคน 

ถ้ามาตรา 69 เกิดขึ้นจริง!!! มันจะเป็นหายนะครั้งใหญ่ ไม่ใช่เฉพาะสงขลา จะนะ แต่มันคือทั้งหมดของทะเลอ่าวไทยและอันดามัน กฎหมายเหล่านี้จะอนุญาตให้เรือปั่นไฟสามารถล้อมจับปลาในเวลากลางคืน การปั่นไฟเป็นการล่อสัตว์น้ำทุกชนิด ปลาทู กุ้ง และอื่นๆ ตอนที่เขารวบขึ้นมามีหลากหลายชนิด ตัวเล็กอย่างแมลงวันยังผ่านไม่ได้”