เชิญร่วมฟังคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด กรณีกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนฯ ฟ้องขอให้เพิกถอนหนังสืออนุญาตเข้าทำประโยชน์เขตป่าสงวนฯ และประทานบัตรเพื่อทำเหมืองแร่หินปูนดงมะไฟ

เชิญร่วมฟังคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด กรณีกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนฯ ฟ้องขอให้เพิกถอนหนังสืออนุญาตเข้าทำประโยชน์เขตป่าสงวนฯ และประทานบัตรเพื่อทำเหมืองแร่หินปูนดงมะไฟ

สิบเอ็ดปีแห่งการรอคอย 17 ก.พ. 66 นี้! เชิญร่วมฟังคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด กรณีกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนฯ ฟ้องขอให้เพิกถอนหนังสืออนุญาตเข้าทำประโยชน์เขตป่าสงวนฯ และประทานบัตรเพื่อทำเหมืองแร่หินปูนดงมะไฟ

ศาลปกครองอุดรธานี นัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อส. 34/2561 ที่นักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่ – ผาจันได ยื่นฟ้องเพื่อขอให้ศาลเพิกถอนหนังสืออนุญาตเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเก่ากลอยและป่านากลาง เพื่อทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (หมดอายุวันที่ 3 กันยายน 2563) และประทานบัตรเหมือนแร่หินปูนของบริษัท ธ.ศิลาสิทธิ จำกัด (หมดอายุ 24 กันยายน 2563) ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 ที่จะถึงนี้

โดยคดีดังกล่าวสืบเนื่องมาจาก ตัวแทนนักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนฯ จำนวน 78 คน ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองอุดรธานี เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2555  หลังจากที่ทราบว่าบริษัทได้รับอนุญาตให้ต่ออายุประทานบัตรอีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2553 ถึง 24 กันยายน 2563 รวมเป็นระยะเวลา 10 ปี โดยมีคำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้นออกมาเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2561 ว่า “ ให้เพิกถอนหนังสืออนุญาตเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนฯ เพื่อทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน และเพิกถอนคำสั่งต่ออายุประทานบัตร โดยให้มีผลนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา ” แต่คู่ความได้ยื่นอุธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดคดีจึงยังไม่ถึงที่สุด บริษัทเหมืองแร่จึงมีการระเบิดภูผาฮวกทำเหมืองอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 2563

ก่อนการนัดหมายฟังคำพิพากษา 18 สิงหาคม 2563 ศาลปกครองสูงสุดได้นัดฟังคำแถลงคดีดังกล่าว เพื่อเป็นแนวทางประกอบคำพิพากษา โดยตุลาการผู้แถลงคดี ได้กล่าวถึง 2 ประเด็น คือ

ประเด็นที่หนึ่ง การที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู อนุญาตให้บริษัทฯ ใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเข้าทำประโยชน์นั้น ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ตุลาการผู้แถลงคดีกล่าวว่า จากเอกสารการจัดประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลเป็นไปตามระเบียบ ถึงแม้ไม่มีเอกสารแจ้งล่วงหน้า 3 วัน แต่มีการเข้าประชุมสมาชิกเกือบครบ ซึ่งเห็นไม่ตรงกับศาลชั้นต้น ส่วนการอนุญาตทำประโยชน์พื้นที่ป่าสงวนฯพบว่าเป็นไปตามระเบียบของกรมป่าไม้ และชอบด้วยกฎหมาย

ประเด็นที่สอง คือ เรื่องการอนุญาตต่ออายุประทานบัตรเพื่อการทำเหมืองแร่ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ตุลาการผู้แถลงคดีกล่าวว่า คำสั่งที่กระทรวงอุตสาหกรรมอนุมัติให้ต่ออายุประทานบัตร ไม่ชอบด้วยกฎหมาย  และรายงานศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม EIA ที่บริษัทยื่นต่อประทานบัตรกลับไม่พบว่ารายงานศึกษาอย่างครบถ้วน แม้คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเสนอให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วม แต่กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่กลับอนุมัติการต่อประทานบัตรโดยไม่มีกระบวนการดังกล่าว ซึ่งขัดกับกฎหมายที่ต้องผ่านกระบวนการมีส่วนร่วม

ตลอดระยะเวลา 29 ปีที่ผ่านมา ทำให้เราเห็นว่าการเคลื่อนไหวของนักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนฯ ไม่ได้ต่อสู้เฉพาะแค่กระบวนการของศาลเท่านั้น แต่กลุ่มยังใช้สิทธิตามหลักสิทธิชุมชนที่ทุกคนพึงมีปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชุมชน โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจหรือกำหนดอนาคตของตัวเอง ตามข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ ปิดเหมืองหินและโรงโม่ ฟื้นฟูภูผาป่าไม้ และพัฒนาดงมะไฟเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศวัฒนธรรมและอารยธรรมโบราณคดี

กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนฯ ได้ก้าวเดินไปสู่ข้อเรียกร้องข้อแรกด้วยพลังของการรวมกลุ่มอย่างเข้มแข็ง และกำลังก้าวสู่ข้อเรียกร้องที่ 2 และ 3 อย่างมั่นคง คำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดไม่ว่าจะออกมาในทางไหนจะไม่มีวันทำให้เป้าหมายของกลุ่มฯสั่นคลอน แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรายังคงมีความหวัง และคำพิพากษาของศาลจะเป็นส่วนหนึ่งที่ตอกย้ำข้อเรียกร้องข้อแรกของเราให้หนักแน่นขึ้น

ดังนั้นในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 นี้ กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่ – ผาจันได จึงขอเชิญชวนสื่อมวลชนและผู้ที่สนใจร่วมติดตามและให้กำลังใจการฟังคำพิพากษาในครั้งนี้ ณ ศาลปกครองอุดรธานี

กำหนดการ
09.00 น. เดินทางไปถึงศาลปกครองอุดรธานี
10.00 น. ฟังคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด
11.00 น. แถลงข่าว
12.00 น. ทานอาหารกลางวันร่วมกัน
14.00 น. รณรงค์รอบบริเวณสนามสมเด็จพระนเรศวร จังหวัดหนองบัวลำภู
15.00 น. อ่านคำประกาศ กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได

กำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลง

กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได จ.หนองบัวลำภู