ล่าสุดพบเต่าทะเลเสียชีวิตแล้ว 1 ตัว! จากเหตุน้ำมันรั่วภูเก็ต ก่อนหน้านั้นพบเต่าพร้อมคราบน้ำมัน 2 ตัว ทำให้หลายฝ่ายกังวล น้ำมันรั่วไม่ได้ส่งผลกระทบแค่การท่องเที่ยวเท่านั้น แต่อาจทำให้ระบบนิเวศทางทะเลเสียหายได้ ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าช่วยเหลือโดยทันที
เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2566 นายอภิชัย เอกวนากุล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (รรท.อทช.) ได้รับรายงานจาก นายสุเทพ เจือละออง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบนว่า มีตรวจพบก้อนน้ำมันดิบเกยหาดบริเวณหาดในยาง จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา
ด้านรรท.อทช. ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กลุ่มสมุทรศาสตร์และสิ่งแวดล้อม ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน (ศวอบ.) เร่งลงพื้นที่สำรวจและตรวจสอบพื้นที่บริเวณดังกล่าวโดยด่วน
เบื้องต้นพบก้อนน้ำมันเกยหาดเนแนวยาว บริเวณหาดในยาง หาดไม้ขาว หาดในทอน และหาดลายัน ของจังหวัดภูเก็ต ซ้ำยังพบคราบน้ำมันสีดำเกยหาดบริเวณหาดไม้ขาว และเศษซากขยะทะเลเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ดีทางเจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างคราบน้ำมันดังกล่าวมาเพื่อตรวจสอบและวิเคราะห์แล้ว เพื่อหาต้นตอของคราบน้ำมันดังกล่าวว่ามาจากแหล่งใด และยังประสานเจ้าท่าภูเก็ตเร่งตรวจสอบเรือต่าง ๆ ที่แล่นผ่านบริเวณดังกล่าวย้อนหลัง 7 วัน
ในวันเดียวกันนั้นเอง ทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากสิรีธาร ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน (ศวอบ.) รับแจ้ง พบเต่าทะเลเกยตื้น สภาพยังมีชีวิตอยู่ เต็มไปด้วยคราบน้ำมัน หลังจากตรวจสอบทำให้พบว่าเต่าที่มาเกยตื้นดังกล่าวเป็นลูกเต่าตนุ มีสภาพร่างกายอ่อนแรง ภายนอกมีคราบน้ำมันท่วมตัวรวมถึงช่องปาก ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันขจัดคราบน้ำมันเรียบร้อยแล้ว และตรวจวินิจฉัยเพื่อพิจารณาแผนการรักษา ตลอดจนปล่อยคืนสู่ธรรมชาติต่อไป
ถัดมาวันที่ 6 สิงหาคม ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า พบเต่าตัวที่ 2 ติดคราบน้ำมันโดยครั้งนี้พบที่เกาะราชา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ทั้งนี้ได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและทำความสะอาดร่างกายเรียบร้อย และได้ทำการส่งตัวเต่าไปที่โรงพยาบาลสัตว์ทะเลหายากภูเก็ตแล้ว
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดพบเต่าเสียชีวิตแล้ว 1 ตัว สาเหตุจากการกินคราบน้ำมันเข้าไป ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าน้ำมันที่รั่วในทะเลครั้งนี้ อาจสร้างผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมมากกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเต่าทะเล เนื่องจากปกติแล้วเต่าจะต้องโผล่พ้นน้ำมาอยู่ตลอด ทำให้มีคราบน้ำมันติดตามตัวและใบหน้าได้
หลังจากนี้ทางจังหวัดจะประสานการให้ความรู้กับชาวบ้านในพื้นที่หากเกิดกรณีคราบน้ำมันรั่ว ควรจะมีมาตรการการรับมืออย่างไร และในอีกทางหนึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จำเป็นต้องเร่งนำคราบน้ำมันออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นอาจส่งผลต่อระบบนิเวศทางทะเลในระยะยาวได้ ส่วนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบไปแล้วก็ต้องวางแผนฟื้นฟูร่วมกันในหลายภาคส่วนด้วย
นับเป็นอีกหนึ่งเรื่องน่าเศร้าที่เต่าทั้ง 3 ตัว ต้องรับผลกระทบจากฝีมือมนุษย์อีกครั้ง ดังที่กล่าวไป น้ำมันรั่วถือเป็นอีกหนึ่งอันตรายตัวฉกาจของท้องทะเล หากไม่เร่งจัดการและฟื้นฟู เราอาจมีการสูญเสียเกิดตามมาอีกแน่นอน
อ้างอิง
- กรมทะเลชายฝั่ง เร่งตรวจสอบ “คราบน้ำมัน” เกยหาดเป็นแนวยาว พร้อมช่วย “ลูกเต่าตนุ”
- สลด! คราบน้ำมันเข้าที่ภูเก็ตส่งผลกระทบเต่าโดนคราบน้ำมัน ล่าสุดพบที่เกาะราชา
- เต่าทะเลตายสังเวยคราบน้ำมันรั่ว ‘ภูเก็ต’ คุมพื้นที่ไม่อยู่ ห่วงปะการังพัง 4 พันไร่
- ภาพประกอบ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
ผู้เขียน
หนุ่มน้อยผู้หลงรักความไม่สมบูรณ์แบบ ออกเดินทางเพื่อเก็บภาพความงดงามของธรรมชาติ และชอบอ่านวรรณกรรมเป็นชีวิตจิตใจ
