ผู้ว่าฯโคราช เงียบหาย ! หลังลงพื้นที่ด่านขุนทด ผ่านมา 30 วัน ยังไม่มีการชี้แจงข้อมูลผลกระทบจากเหมืองโปแตช “คำสัญญา ไม่ใช่แค่คำพูด แต่คือบทพิสูจน์คุณค่าของคนคนนั้น”
หากยังจำกันได้ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2566 ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาพร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการทำเหมือง ได้ลงพื้นที่ อ.ด่านขุนทด เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการร้องเรียนผลกระทบจากโครงการเหมืองแร่โปแตช ซึ่งทำให้กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด มีความหวังกับผู้ว่าฯ โคราชคนใหม่ (สยาม ศิริมงคล) อย่างยิ่งโดยเฉพาะการให้คำมั่นสัญญาว่าจะเร่งดำเนินการทำความเห็นเป็นเวลา 7-10 วัน หลังจากลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเสร็จ และทำการสรุปผลร่วมกันกับกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฯ
แต่แล้วจนถึงวันที่ 7 สิงหาคม 2566 เป็นระยะเวลา 30 วันเต็ม ที่กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฯ ยังไม่ได้รับข้อมูลใดๆ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งที่ข้อมูลจากข่าวสามมิติ ปรากฏชัดเจนว่าขณะนี้ผลของการตรวจน้ำและดินที่มีการเก็บตัวอย่างไปนั้นทำการตรวจเรียบร้อยแล้ว และพบค่าความเค็มเกินค่ามาตรฐานอย่างมาก แต่กลับไม่มีการแจ้งข้อมูลใดๆ ให้กับชาวบ้านซึ่งเป็นผู้ร้องเรียนทราบเลยแม้แต่น้อย
จากสถาการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ชาวบ้านหลายคนกังวลเกี่ยวกับการใช้อำนาจของภาครัฐ ที่เอื้อผลประโยชน์ให้นายทุน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่ล่าช้า หรือการปกปิดข้อมูลแผนผังโครงการทำเหมืองของบริษัท ไทยคาลิ จำกัด ทำให้ตอนนี้ชาวบ้านในพื้นที่เหมือนถูกปิดหูปิดตา เหมือนโดนหลอกจากหน่วยงานของรัฐซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตั้งแต่ระดับผู้นำชุมชน ถึง ผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้งหมดนี้ชาวบ้านล้วนพึ่งพาไม่ได้
เวลาประมาณ 9.30 น. กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฯ จึงรวมตัวประมาณ 100 คน ที่วัดสระขี้ตุ่น เพื่อทวงคำสัญญา จากผู้ว่าฯโคราช ผ่านข้อความ “คำตอบอยู่ไส ? ผลตรวจใกล้คลอดหรือยัง” , “30 วันผ่านไป ว่าไงผู้ว่า นานแถะแกเอ้ย” , “ผู้ว่าฯโคราช อย่างดออกเสียง” และ “ผลตรวจจะออกพร้อมผลโหวตนายกหรือคะ” เพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานของรัฐเร่งชี้แจงสรุปข้อมูลผลกระทบที่ได้ลงไปดูด้วยตาของตัวเอง
ทั้งนี้ เมื่อผลการตรวจน้ำและดินออกมาว่ามีสารปนเปื้อนอยู่ในน้ำและดิน มีค่าความเค็มมากกว่าปกติ หรือมากกว่าน้ำทะเลถึง 4 เท่า โดยจากลักษณะพื้นที่ความเค็มตามธรรมชาติไม่อาจก่อให้เกิดผลเช่นนั้น จึงมีความชัดเจนมากว่าความเค็มในพื้นที่เกิดจากการทำเหมือง การเพิกเฉยไม่ยอมชี้แจงผลการตรวจอย่างเป็นทางการ ย่อมเป็นการซื้อเวลาให้กับบริษัทฯ ในการหาข้อแก้ตัว
อีกทั้งยังถือเป็นการซ้ำเติมคนในพื้นที่อีกด้วย เนื่องจากผลกระทบยังคงเกิดขึ้นในทุกๆ วัน แพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งผลการตรวจสอบออกช้าลงไปเท่าไหร่ กระบวนการฟื้นฟูพื้นที่ก็จะยิ่งช้าลงไปเท่านั้น และขณะนี้บริษัทฯ ก็ยังมีการดำเนินการเพื่อเปลี่ยนแปลงแผนผังโครงการทำเหมืองอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเตรียมการกว้านซื้อที่ดิน การถมดินเพื่อปกปิดร่องรอยผลกระทบ และการขุดบ่อพักน้ำเค็มเพิ่มอีกหลายบ่อ
หากผู้ว่าฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเพิกเฉย ไม่ยอมชี้แจงผลการตรวจสอบจากสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน ไม่ยอมทำความเห็นเกี่ยวกับปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ส่งกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด ก็จะไปทวงถามที่ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมาด้วยตนเองอีกครั้ง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นชัดเจนแล้วว่าหน่วยงานของรัฐไม่ได้ทำหน้าที่ในการปกป้องผลประโยชน์ และ ป้องกันความเดือดร้อนของประชาชนแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด ยังคงยืนยันว่าข้อเรียกร้องของเรามีเพียงข้อเดียวคือ ต้อง “ปิดเหมืองโปแตช” เท่านั้น เพื่อทวงคืนผืนดินและแหล่งน้ำให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ หยุดเหมืองโปรแตช หยุดโรงต้มเกลือ หยุดขุดเจาะอุโมงค์ใหม่ เพื่อหยุดการแพร่กระจายความเค็ม
เรื่อง/ภาพ กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด จ.นครราชสีมา