8 กรกฎาคม 2566 เวลา 20.30 น. นักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลายและชาวบ้านบ้านแก้ง หมู่ 5 บ้านนาคำน้อยหมู่ 6 บ้านโนนคำ หมู่ 13 ตำบลคำป่าหลาย อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร บ้านก้านเหลือง หมู่ 2 และ หมู่ 4 ตำบลหนองแคน อำเภอดงหลวง จังหวัดเดียวกัน ได้จัดประชุมการรับฟังความคิดเห็น เรื่อง การตั้งโครงการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานลม บริษัท ๕๕๕ กรีนเอ็นเนอร์จี้ จำกัด ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงหมู แปลงที่สอง ท้องที่ตำบลคำป่าหลาย ณ ศาลาประชาคม หมู่ 13
เนื่องจากเมื่อวันที่ 7 ก.ค. ที่ผ่านมา นายพรภิรมณ์ อุระแสง ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้มุกดาหาร ได้แจ้งต่อที่ประชุม กรณี หามาตรการในการคุ้มครองความปลอดภัยของนักปกป้องสิทธิฯ ณ ที่ห้องประชุมสำนักงานสหกรณ์จังหวัดมุกดาหาร ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร ว่า “บริษัทฯได้จัดทำรายงานประชาคมหมู่ 13 โดยมีรายชื่อประมาณ 200 คน เพื่อยื่นแนบคำขออนุญาตเข้าใช้พื้นที่ป่าสงวนฯเรียบร้อยแล้ว” จึงทำให้นักปกป้องสิทธิฯ ได้ทราบว่าเป็นประชาคมเท็จ
เพราะการประชุมเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 65 ที่นายอนุสรณ์ โพธิ์ศิริ ทนายความบริษัทฯ และนายปรีชา สิงคเสลิต ผู้อำนวยการส่วนทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดมุกดาหาร ร่วมเข้ามาทำการประชุมที่ศาลาประชาคม หมู่ 5 แล้วพี่น้องราษฎรได้เข้าร่วมประชุมโดยที่เข้าใจว่าเป็นเวทีชี้แจงโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม แต่กลับกลายเป็นว่าทำเวทีประชาคมและนำไปประกอบเพื่อยื่นคำขออนุญาตเข้าใช้พื้นที่ป่าสงวนฯ จนได้รับใบอนุญาต
อีกทั้งยังปรากฎตามสื่อสารสาธารณะโดยมีตัวแทนบริษัทฯ อ้างว่าได้ประชาคมหมู่บ้านทั้ง 3 หมู่บ้าน มีมติเห็นด้วยกับโครงการ และมีรายชื่อผู้เข้าร่วมประชาคมอีกประมาณ 400 คน ที่สนับสนุนโครงการ ทั้งที่ในความเป็นจริงชาวบ้านในพื้นที่ต่างทราบกันดีว่าบริษัทฯ ไม่เคยจัดเวทีประชาคมหมู่บ้านเลยแม้แต่ครั้งเดียว และในวันที่บริษัทฯเข้ามาประชุมมีชาวบ้านเข้าร่วมประมาณ 20 คน ซึ่งชาวบ้านก็ได้อธิบายในเบื้องต้นแล้วว่าไม่ต้องการให้ตั้งโครงการดังกล่าวในพื้นที่เขตป่าสงวนฯ เนื่องจากพื้นที่ตั้งโครงการทับพื้นที่ทำกินของราษฎรและพื้นที่ดำเนินการแก้ไขปัญหานโยบายทวงคืนผืนป่า ที่กรมป่าไม้ทำการตรวจยึดผิดพลาดคลาดเคลื่อน
ดังนั้น การที่บริษัทฯ อ้างรายชื่อเกินจำนวนจริงจากวันประชุมนั่นแสดงว่ามีกระบวนทุจริตร่วมกันระหว่างบริษัทฯ เจ้าหน้าที่ภาครัฐ (นายปรีชา) และผู้นำหมู่บ้าน ด้วยการนำรายชื่อชาวบ้านมาสวมใส่หรือลงชื่อในเอกสารภายหลังจากการประชุมชี้แจงข้อมูล
ด้วยเหตุดังกล่าวนักปกป้องสิทธิฯ และชาวบ้านในพื้นที่จึงจัดการประชุมรับฟังความคิดเห็น หรือ การประชาคม เพื่อยืนยันเจตจำนงตามสิทธิขั้นพื้นฐานของรัฐธรรมนูญ และยืนยันต่อเทศบาลตำบลคำป่าหลายตามมติสภาเทศบาลตำบลคำป่าหลาย เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 65 ที่สภาฯ มีมติเห็นชอบต่อโครงการดังกล่าว แต่มีเงื่อนไขว่าก่อนที่จะดำเนินการต่อไปนั้นต้องผ่านประชาคมจากราษฎรในพื้นที่ก่อน และให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดมุกดาหาร ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกมาชี้จุดให้ชัดเจนก่อนดำเนินการ ไม่ให้ทับที่ของราษฎร ถ้าไม่เป็นไปตามนี้ ที่ประชุมถือเป็นโมฆะและ/หรือ ให้ดำเนินการตามระเบียบ
ซึ่งการประชุมรับฟังความคิดเห็นหรือการประชาคมในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมประชุมจำนวน 119 คน โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ 115 เสียง ไม่เห็นด้วยกับการตั้งโครงการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานลม บริษัท ๕๕๕ กรีนเอ็นเนอร์จี้ จำกัด ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงหมู แปลงที่สอง ท้องที่ตำบลคำป่าหลาย
ส่วนอีก 4 เสียงได้แสดงเจตจำนงค์งดออกเสียงตั้งแต่ต้นเนื่องจากเป็นประธานในการประชุมและเป็นผู้นับคะแนนเสียง
ทั้งนี้นักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลายและชาวบ้านในพื้นที่ขอยืนยันว่าจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด เพื่อปกป้องที่ดินทำกินที่ถูกแย่งยึดแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนโยบายทวงคืนผืนป่าเพื่อเหมืองแร่หินทราย สู่ BCG โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนขับไล่ประชาชนออกจากพื้นที่ทำกินเพื่อยกพื้นที่ให้กับนายทุน
เรื่อง/ภาพ กลุ่มอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลาย จ.มุกดาหาร