กลุ่มอนุรักษ์น้ำซับฯ รุดยื่นหนังสือค้านอนุญาตโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม ยื่นคำขาดพร้อมยกระดับการต่อสู้ หากไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหา
เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566 นักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลาย ประมาณ 20 คน เข้ายื่นหนังสือขอยืนยันคัดค้านการอนุญาตโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม บริษัท ๕๕๕ กรีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงหมูแปลง 2 ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ณ ศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร
ภายหลังจากเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา กรมป่าไม้ได้ทำการอนุญาตให้บริษัท ๕๕๕ กรีนฯ เข้าทำประโยชน์ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติฯ เพื่อดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม เป็นเวลา 30 ปี ทั้งที่กระบวนการยื่นคำขอเพื่ออนุญาตเป็นการยื่นขอที่ไม่ถูกต้องตั้งแต่ขั้นตอนแรก เพราะไม่มีการประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ในรัศมีที่จะตั้งโครงการ ไม่มีการทำประชาคมหมู่บ้านก่อนยื่นต่อสภาเทศบาลตำบลคำป่าหลายเพื่อให้มีมติ ไม่มีการตรวจสอบพื้นที่และกำหนดขอบเขตที่จะตั้งโครงการให้ชัดเจน และไม่มีการตรวจสอบสภาพป่าก่อนยื่นเอกสารประกอบให้สภาเทศบาลคำป่าหลายมีมติเห็นชอบ
ซึ่งตลอดระยะเวลาในการยื่นคำขอทางกลุ่มได้ยื่นหนังสือต่อหน่วยงานราชการระดับท้องถิ่น จังหวัด และส่วนกลาง คัดค้านโครงการมาโดยตลอด แต่หน่วยงานรัฐก็ดำเนินการอนุญาตโดยไม่ฟังเสียงประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการและมีข้อห่วงกังวลถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เพราะพื้นที่ได้รับอนุญาตยังทับที่ทำกินของราษฎรและพื้นที่พิพาทที่กำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องนโยบายทวงคืนผืนป่าที่ทำการตรวจยึดแบบผิดพลาดคลาดเคลื่อนโดยที่ไม่มีการตรวจสอบสิทธิในที่ดินทำกินของประชาชน การสร้างโครงการต้องตัดต้นไม้ทำลายป่าซึ่งย้อนแย้งกับนโยบายทวงคืนผืนป่าที่ต้องการเพิ่มพื้นที่ป่า 40% เพื่อลดสภาวะโลกร้อน และการสร้างโครงการยังเป็นการเพิ่มภาระค่าไฟฟ้าที่ผลิตเกินความจำเป็นให้กับประชาชนในเทศไทย เพราะปริมาณไฟฟ้าภายในประเทศที่มีอยู่ผลิตเกินปริมาณที่ใช้จริงอยู่แล้ว
นอกจากนี้ ยังพบว่า บันทึกรายงานการตรวจสอบสภาพป่าที่ระบุว่าเป็นป่าเสื่อมโทรม ไม่เป็นความจริง เพราะพื้นที่มีไม้ยืนต้นและไม้มีค่า ตลอดจนมีพืชและสัตว์ เห็ด แมลง และความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่าพื้นที่ที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์อยู่ ควรห่วงแหนเก็บรักษาไว้ รวมถึงมีเจ้าหน้ารัฐในสังกัดสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดมุกดาหารและสำนักจัดการทรัยากรป่าไม้ที่ 7 ขอนแก่น ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ เอื้อประโยชน์ให้บริษัทอย่างชัดเจน และมีเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายปกครองท้องที่และท้องถิ่น อำนวยความสะดวกให้กับบริษัทเอกชน ใช้อำนาจหน้าที่ ข่มขู่ คุกคามใส่ร้ายป้ายสีประชาชน
โดยการยื่นหนังสือครั้งนี้ นายธนิศน์ เสถียรนาม ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดมุกดาหาร ได้เป็นตัวแทนผู้ว่าฯ มารับหนังสือและแจ้งว่าได้ประสานส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการพูดคุยกับกลุ่มฯ ซึ่งมี นายเอกราช มณีกรรณ์ ปลัดจังหวัดมุกดาหาร เป็นตัวแทนผู้ว่าฯ และ นายปรีชา สิงคเสลิต เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดมุกดาหาร รออยู่ที่ห้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดมุกดาหาร
ซึ่งนายปรีชา สิงคเสลิต ได้ชี้แจงต่อกลุ่มฯ ว่า ในเรื่องโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมทางบริษัทได้แจ้งว่าได้ทำถูกต้องระเบียบและข้อกฎหมายในการอนุญาตแล้ว
ด้านตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลายจึงได้ถามกลับว่า เวทีประชาคมที่หมู่ 5 เป็นเวทีประชาคมหรือไม่ และขอรายรายชื่อผู้เข้าร่วมประชาคม 400 คน ได้หรือไม่
นายปรีชา ได้กล่าวว่า ตนมีหน้าที่ลงไปชี้แจงระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการอนุญาตฯ ส่วนรายชื่อผู้เข้าร่วมประชาคมไม่ได้อยู่ที่ตน เพราะรายชื่ออยู่กับบริษัทฯ และเสนอว่าจะตั้งกรรมการตรวจสอบกรณีดังกล่าว โดยมีสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดฯ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดฯ ผู้แทนส่วนจังหวัดฯ และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดฯเป็นตัวกลางในการประสานงาน
ทั้งนี้ กลุ่มอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลาย ได้กล่าวว่า ยังไม่รับข้อเสนอใดๆ ขอปรึกษาหารือกันก่อน และขอให้ทางจังหวัดติดตามข้อเรียกร้องที่ยื่นไว้ในวันนี้ อีก 14 วัน ทางกลุ่มจะมาติดตามความคืบหน้าอีกครั้ง หากยังไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาพร้อมที่ยกระดับ ยืนยันจะคัดค้านโครงการจนถึงที่สุด เพื่อรักษาผืนดินให้ลูกหลาน ไม่เอากังหันลมฯ อย่างเด็ดขาด และขอยืนยันว่าความขัดแย้งยังมีอยู่ ยังไม่ได้มีการแก้ไขเอกสารประกอบและแผนที่แนบท้ายในการอนุญาต สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและป่าไม้จังหวัดมุกดาหาร ทำรายงานตรวจสอบสภาพป่าอันเป็นเท็จ ยังบิดเบือนข้อเท็จจริง ต้องเพิกถอนใบอนุญาตให้ใช้พื้นที่ป่าสงวนฯ เพราะกระบวนการมิชอบมาตั้งแต่เริ่มต้น
รายงานโดย กลุ่มผู้เดือดร้อนจากโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม จ.มุกดาหาร