เมื่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศไม่ใช่แค่ปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่มันกำลังนำไปสู่ปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเพศ

เมื่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศไม่ใช่แค่ปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่มันกำลังนำไปสู่ปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเพศ

ปี 2023 นี้ การพูดคุยกันเรื่องวิกฤตสภาพภูมิอากาศคงไม่สามารถที่จะมองข้ามประเด็นทางสังคมและความไม่เท่าเทียมทางเพศไปได้ เนื่องจากประเด็น ‘ความไม่เท่าเทียม’ นับเป็นอีกหนึ่งปัญหาหลักที่เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก หลายองค์กรมีการผลักดันเรื่องความเท่าเทียมให้เกิดขึ้นในกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางอัตลักษณ์ ทว่าบ่อยครั้งประเด็นดังกล่าวจะถูกพูดคุยกันในแค่มิติทางการเมือง สังคม และเศรษฐกิจ แท้จริงแล้วมิติด้านสิ่งแวดล้อมเองก็เป็นอีกหนึ่งด้านที่หลายคนอาจยังไม่รู้  

“มันมีความไม่เท่าเทียมอีกมากมายในหลายมิติ… ถูกซุกซ่อนอยู่ใต้พรมรอวันให้คนเข้ามาเปิดเจอ”   

แม้ในภาพรวมของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (lgbtqi+) จะมีสิทธิหลายอย่างทัดเทียมกับกลุ่มผู้รักต่างเพศ (heterosexual) แล้วก็ตาม แต่แท้จริงแล้วมีอีกหลายอย่างที่พวกเขาได้รับไม่เท่ากับคนอื่น ๆ ในสังคม  

ความสัมพันธ์ของวิกฤตสภาพภูมิอากาศ สุขภาพ และความไม่เท่าเทียมทางเพศ  

ปัญหาวิกฤตสภาพภูมิอากาศมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยยะสำคัญต่อประเด็นเรื่องความไม่เท่าเทียมทางเพศ โดยเราได้ยกตัวอย่างงานวิจัยที่ศึกษาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างปัญหาสิ่งแวดล้อม เพศ และสุขภาพ มาให้ทุกคนได้เห็นกันถึงตัวอย่างของความสัมพันธ์ดังกล่าว ว่าเป็นไปในทิศทางใดบ้าง แล้ววิกฤตสภาพภูมิอากาศจะส่งผลอย่างไรต่อปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเพศในสังคม  

งานวิจัยในหัวข้อ Environmental Injustice and Sexual Minority Health Disparities: A National Study of Inequitable Health Risks from Air Pollution among Same-Sex Partners ของมหาวิทยาลัยเท็กซัส ชี้ให้เห็นว่ากลุ่มผู้มีความหลากหลายมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมในทางสุขภาพมากกว่ากลุ่มผู้รักต่างเพศ 

กล่าวคือ งานวิจัยชิ้นนี้ได้เสนอแนะไอเดียที่อยู่นอกเหนืองานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ว่า ยังมีประชากรผู้มีความหลากหลายอีกไม่น้อยที่ไม่ได้รับการเยียวยาและรักษาสุขภาพอย่างเท่าเทียม โดยปัญหาด้านสุขภาพที่เกิดขึ้นมีต้นตอมาจากปัญหาสิ่งแวดล้อมและความเปลี่ยนทางสภาพภูมิอากาศ  

ถัดมางานวิจัย Queering Environmental Justice: Unequal Environmental Health Burden on the LGBTQ+ Community ก็ได้ศึกษาเรื่องของสภาวะทางสุขภาพที่เกิดจากปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นผลพวงของความไม่เท่าเทียมทางเพศ ได้ชี้ให้เราเห็นว่า กลุ่มผู้มีความหลากหลายนั้นได้รับมลพิษอย่างไม่เท่าเทียมมานาน เนื่องด้วยการถูกกีดกันการเข้าถึงอากาศสะอาด จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรายได้ สังคม ที่อยู่อาศัย ฯลฯ ล้วนมีส่วนในการทำให้พวกเขาตกไปอยู่ภายใต้ก้นบ่อและวังวนแห่งความไม่เท่าเทียม  

นอกจากนี้ แนวคิดความไม่เท่าเทียมทางเพศและการถูกเลือกปฏิบัติ ยังเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้การเข้าถึงการรักษาหรือการเยียวยาภายในกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศเป็นเรื่องที่ยากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาที่เกิดขึ้นจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ  

งานวิจัยเผยว่า การได้รับผลกระทบจากมลพิษและสิ่งแวดล้อมอย่างไม่เท่าเทียม ทำให้ผู้มีความหลากหลายทางเพศมีอัตราการป่วยเป็นโรคเรื้องรังที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมสูงขึ้น อาทิ โรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจและหลอดเลือด หรือแม้แต่โรคร้ายแรงอย่างมะเร็ง  

อีกทั้ง งานวิจัยยังได้ยกตัวอย่าง ชุมชนแห่งหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ พบว่าเยาวชนไร้บ้านกว่า 20-45% เป็นกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยของเยาวชนในชุมชนทั้งหมดเกือบ 4 เท่า โดยที่บุคคลข้ามเพศมีแนวโน้มสูงกว่าบุคคลอื่น ๆ ในกลุ่มผู้มีความหลากหลายมักจะไม่ได้รับการช่วยเหลือและคุ้มครองเท่ากับคนอื่น หรือกล่าวง่าย ๆ หากต้องต่อแถวเพื่อรอรับการช่วยเหลือกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศมักจะได้ต่อแถวอยู่หลังสุดหรือไม่ก็อาจไม่ได้อยู่ในแถวเลย นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างเดียวเท่านั้น ยังมีอีกหลายชุมชนหรืออีกหลายเมืองที่กลุ่มคนเหล่านี้ถูกเลือกปฏิบัติและถูกมองข้ามไป  

เราสามารถสนับสนุนการจัดการปัญหาวิกตสภาพภูมิอากาศและความหลากหลายทางเพศพร้อมกันได้!  

ตามที่กล่าวไปด้านสิ่งแวดล้อมเป็นอีกหนึ่งมิติที่สะท้อนให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมและความไม่ยุติธรรมในสังคมที่เกิดขึ้นกับกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ ทั้งนี้ไม่ควรมีใครสมควรถูกปัดความรับผิดชอบออกไป เพียงเพราะว่าเขาแตกต่างจากคนอื่น ๆ   

ในเดือนมิถุนายนนี้ถือเป็นเดือนแห่งความภาคภูมิใจของผู้มีความหลากหลายทางเพศ หรือ Pride Month กลุ่มคนเหล่านี้คืออีกหนึ่งกลุ่มสำคัญที่ขับเคลื่อนประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม  

เราจะเห็นได้จากธงสีรุ่งซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของความหลากหลาย โดย ‘สีเขียว’ ในผืนธง คือ สีที่แสดงถึง ‘ธรรมชาติ’ เป็นการเน้นย้ำว่า ความเสมอภาคจะต้องเกิดขึ้นกับทุก ๆ คน ในทุก ๆ ด้าน แน่นอนว่าในด้านสิ่งแวดล้อมเองก็เช่นเดียวกัน  

เพื่อก้าวสู่สังคมที่ดียิ่งขึ้น… เราคงไม่สามารถพูดคุยประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมได้โดยที่ไม่พูดถึงเรื่องความไม่เท่าเทียม เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน หากไม่มีความเท่าเทียม โลกเราก็จะไม่สามารถก้าวข้ามผ่านปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างเต็มตัว  

ดังนั้นแล้ว เพื่อที่จะแก้ไขและป้องกันผลกระทบจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ เราก็ควรสนับสนุนความเท่าเทียมไปพร้อม ๆ กันด้วย “เพราะเราจะสนับสนุนให้มีความหลากหลายทางธรรมชาติไปทำไม ถ้าเราไม่สนับสนุนความหลากหลายของมนุษย์ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติเช่นเดียวกัน”   

อ้างอิง  

ผู้เขียน

+ posts

หนุ่มน้อยผู้หลงรักความไม่สมบูรณ์แบบ ออกเดินทางเพื่อเก็บภาพความงดงามของธรรมชาติ และชอบอ่านวรรณกรรมเป็นชีวิตจิตใจ