แถลงการณ์เครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษร้ายแรง 5 มิ.ย. 61

แถลงการณ์เครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษร้ายแรง 5 มิ.ย. 61

5 มิถุนายน 2561 (วันสิ่งแวดล้อมโลก) เครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษร้ายแรง ชุมนุมกันที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้ทบทวนมติและกระบวนการพิจารณาเพื่อยกเลิกการใช้พาราควอตและคลอร์ไพริฟอส และเรียกร้องขอยื่นหนังสือโดยตรงต่อนายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เท่านั้น

พร้อมกันนั้น เครือข่ายฯ ได้อ่านแถลงการณ์ ระบุถึง การแต่งตั้งกรรมการอิสระให้ปลอดจากผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างแท้จริง และต้องยึดหลักการเอาเรื่องสุขภาพเป็นหัวใจสำคัญในการตัดสินใจแบนหรือไม่แบนสารพิษร้ายแรง

 

แถลงการณ์เครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษร้ายแรง 5 มิถุนายน 2561

ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นตัวแทนของรัฐบาลมารับหนังสือของเครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษร้ายแรง 700 องค์กรนั้น

เครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษร้ายแรงยอมรับการแต่งตั้งกรรมการอิสระเพื่อให้มีการทบทวนมติของคณะกรรมการวัตถุอันตรายโดยมีกรอบการทำงานภายใน 60 วัน แต่ยืนยันให้มีการแต่งตั้งตัวแทนกรรมการโดยรัฐบาล และให้เป็นกรรมการที่ปลอดจากผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างแท้จริง อีกทั้งต้องยึดหลักการเอาเรื่องสุขภาพเป็นหัวใจสำคัญในการตัดสินใจแบนหรือไม่แบนสารพิษร้ายแรง ซึ่งเป็นคำกล่าวของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯต่อหน้าผู้ชุมนุมเอง

อย่างไรก็ตามเครือข่ายไม่อาจยอมรับข้อเสนอที่จะให้กระทรวงเกษตรฯ เป็นเจ้าภาพในการดำเนินการเรื่องนี้ เพราะไม่ได้เป็นหน่วยงานที่เชี่ยวชาญเรื่องสุขภาพอีกทั้งมีบทบาททับซ้อนในฐานะที่มีหน้าที่ส่งเสริมและดูแลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชเป็นหลัก มองมิติเพียงประสิทธิภาพของการใช้สารเคมีเป็นหลัก

เครือข่ายจะติดตามความชัดเจนของรัฐบาลว่าจะแถลงและดำเนินการในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด โดยต้องเป็นไปตามกรอบข้อเสนอของเครือข่ายฯ 3 ข้อ ได้แก่

1) ให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายทบทวนมติ และพิจารณายกเลิกพาราควอตและคลอร์ไพริฟอส ในเดือนธันวาคม 2562 ตามกรอบเวลาที่กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอไว้ โดยกระบวนการพิจารณาข้อมูลและลงมติต้องไม่มีผู้มีส่วนได้เสียเข้าร่วม เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของ พ...วัตถุอันตราย พ.. 2535 มาตรา 12 วรรค 2 ใช้ข้อมูลที่ทันสมัย เป็นกลางทางวิชาการ และมาจากหน่วยงานที่มีความเชียวชาญโดยตรง ได้แก่ ผลการพิจารณาของกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และข้อมูลจากเครือข่ายประชาคมวิชาการ ซึ่งเพียงพอต่อการพิจารณายกเลิกการใช้พาราควอตและคลอร์ไพริฟอส

2) ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการศึกษาหาวิธีการทดแทน ตามมติของสภาเกษตรกรแห่งชาติ เพื่อปกป้องคุ้มครองสุขภาพของเกษตรกรและผู้บริโภค ทั้งนี้จากการสำรวจของเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช พบว่า เกษตรกรผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ ข้าว อ้อย ข้าวโพด ปาล์มน้ำมัน ยางพารา และมันสำปะหลัง ร้อยละ 63 ไม่ได้ใช้พาราควอตในการกำจัดวัชพืช นั่นหมายถึงมีสารกำจัดวัชพืชชนิดอื่นและวิธีการในการจัดการวัชพืชที่มีประสิทธิภาพมากกว่าพาราควอตอยู่แล้ว หากแต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้รวบรวมองค์ความรู้เหล่านี้มาเผยแพร่ในวงกว้าง

3) ในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน ก่อนจะยกเลิกการใช้พาราควอตและคลอร์ไพริฟอสในปี 2562 หากพบว่ามีผลกระทบต่อต้นทุนของเกษตรกร เสนอให้กระทรวงการคลังศึกษาและจัดเก็บภาษีจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีอันตรายร้ายแรง มาใช้ในการเยียวยาผลกระทบและสนับสนุนให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนวิธีจัดการวัชพืชที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะลดผลกระทบจากการถูกกีดกันทางการค้าจากความไม่ปลอดภัยของสารพิษตกค้าง การละเมิดสิทธิเกษตรกรที่ใช้สารพิษที่อันตรายร้ายแรง ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรของไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกในระยะยาว

ทั้งนี้ภายใน 3 สัปดาห์หลังจากนี้จะมีการจัดประชุมใหญ่ของเครือข่ายโดยมีตัวแทนจากสมาชิกเครือข่ายทั้ง 700 องค์กรเข้าร่วม เพื่อประกาศปฏิบัติการและท่าทีของเครือข่ายต่อไป

จึงเรียนมาเพื่อสื่อมวลชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ
เครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษร้ายแรง
5 มิถุนายน 2561
วันสิ่งแวดล้อมสากล