สัปดาห์ที่ผ่านมามีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต และพวกในคดีล่าสัตว์ป่า รวมถึงคดีอื่นๆ เกิดขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นความคืบหน้าที่สำคัญ ซึ่งจะนำไปสู่ขั้นตอนต่อไปของการดำเนินคดี
ในประเด็นสำคัญที่สาธารณชนต่างติดตาม คือ คดีล่าสัตว์ป่า ซึ่งปัจจุบัน ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาขี้ขาดของอัยการสูงสุด ว่าจะให้ดำเนินการสั่งฟ้องข้อหานายเปรมชัย และพวกจำนวนกี่คดี เนื่องจากก่อนหน้านี้ที่ทางอัยการ ภาค 7 ได้แถลงความเห็นสั่งฟ้องออกมานั้น ทางตำรวจที่รับผิดชอบคดี คือ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. มีความเห็นแย้งต่อข้อแถลงของอัยการ ที่ไม่สั่งฟ้องนายเปรมับและพวกใน 3 คดี คือ (1) ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต (2) ร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาต และ (3) ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาต
ข้อกังวลต่อสาธารณชน คือ เรื่องนี้กำลังจะยืดเยื้อออกไปอีก เพราะเรายังไม่ทราบว่าอัยการสูงสุดจะตัดสินเมื่อไหร่ และจะทันครบกำหนดฝากขังครั้งสุดท้ายที่นายเปรมชัย จะต้องเข้ารายงานตัวในวันที่ 2 พฤษภาคมนี้หรือเปล่า
ล่าสุด เมื่อวันที่ 27 เมษายน นางสมศรี วัฒนไพศาล อธิบดีอัยการ ภาค 7 ได้ออกมาให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนว่า ขณะนี้คณะทำงานอัยการ ภาค 7 ได้เตรียมร่างคำฟ้อง 6 ข้อหาหลักที่ต่อนายเปรมชัยที่ได้แถลงไปเมื่อวันที่ 4 เมษายน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยยืนยันว่าในเช้าวันจันทร์ที่ 30 เมษายน นี้ อัยการ ภาค 7 จะนำสำนวนและคำฟ้องไปยื่นฟ้องนายเปรมชัยกับพวกแน่นอน ไม่มีการเลื่อน และจะจัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ณ สำนักอัยการ ภาค 7 ในวันเดียวกัน เวลา 10.00 น.
ส่วนในประเด็นที่มีความเห็นแย้งจากทางตำรวจนั้น ยังอยู่ระหว่างรอคำสั่งชี้ขาดของอัยการสูงสุด หากให้ฟ้องเพิ่มอีก 3 ข้อหา ก็จะปรับแก้คำฟ้องให้ครบถ้วน
สำหรับคดีที่เกี่ยวเนื่องจากเหตุการณ์ล่าสัตว์ป่านั้น สัปดาห์ที่ผ่านมามีความคืบหน้าในส่วนของคดีร่วมกันครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครอง หรือ งาช้างแอฟริกา จำนวน 4 กิ่ง ที่ค้นเจอยังบ้านของนายเปรมชัย กรรณสูต โดยมีนางคณิตดา กรรณสูต ภรรยาเป็นผู้แจ้งครอบครอง รวมถึงนางสาววันดี สมภูมิ ผู้รับแจ้งครอบครอง
ความคืบหน้าในปัจจุบัน อัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจฯ ได้มีคำสั่งให้ฟ้องผู้ต้องหาทั้งสาม และได้ยื่นนางคณิตดา ภรรยาของนายเปรมชัย, นายเปรมชัย และนางสาววันดี เป็นจำเลยที่ 1-3 ในคดีหมายเลขดำ อ.1143/2561 ฐานร่วมกันนำซากสัตว์ป่าคุ้มครองเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 เมษายน ที่ผ่านมา โดยศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นัดสอบคำให้การจำเลยในวันที่ 7 พฤษภาคม นี้ เวลา 08.30 น.
อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องที่สร้างความฮือฮา และก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์ วิจารณ์กันมากนั้น คือ กรณีที่นายเปรมชัย กรรณสูต ให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวว่าถึงการตกเป็นผู้ต้องหาคดีล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกเอาไว้ว่า
“ผมไม่ได้ทำ ผมก็ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็ได้โทรสอบถามทุกกรมทุกกระทรวงก็มีแต่คนเห็นใจผม” “วันนั้น ผมไปถึงเย็นวันเสาร์ ผมก็ไปนอน ตื่นเช้ามาก็เข้าไปทุ่งใหญ่และถูกจับในตอนเย็น และโดนกักขัง 2 วันสองคืน ติดต่อใครไม่ได้ เพราะถูกยึดโทรศัพท์ พอออกมาก็เจอกับนักข่าวเป็นร้อย ส่วนภาพที่ออกมาก็ออกไปหมดแล้ว คิดว่าป่าไม้คงเป็นคนส่ง”
ข้อความดังกล่าวได้รับการแชร์เป็นจำนวนมากในโลกออนไลน์ พร้อมเสียงวิพากษ์วิจารณ์และควาไม่พอใจต่อสาธารณชนเป็นจำนวนมาก ว่าเปรมชัย โทรหาใคร และใครเห็นใจ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ ความเห็น หลังคำสัมภาษณ์เปรมชัย “มีแต่คนเห็นใจผม” # 1 ศศิน เฉลิมลาภ
อย่างไรก็ตามประเด็นที่มีการพูดถึงไม่น้อยไปกว่ากัน คือ คุณสมบัติของนายเปรมชัยยังเหมาะสมต่อการดำรงตำแหน่งผู้บริหารหรือไม่ และสมควรหรือไม่ที่รัฐบาลยังร่วมงานกับ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ขณะที่ผู้บริหารระดับสูงตกเป็นผู้ต้องหาในคดีร้ายแรง รวมถึงท่าทีของ บริษัท อิตาเลียนไทย ที่ยังคงนิ่งเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
อนึ่ง ตลอดช่วงเวลาดำเนินคดีต่อนายเปรมชัย กรรณสูต มีเพียงคำชี้แจงเพียงครั้งเดียวเท่านั้น นายวรวุฒิ หิรัญยไพศาลสกุล เลขานุการบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ส่งถึง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง ความเห็นของคณะกรรมการบริษัทฯ ต่อกรณีปัญหาทุ่งใหญ่นเรศวร ซึ่งระบุเพียงว่า
มีความเห็นว่าปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการดำเนินการของบริษัท แต่เป็นปัญหาที่เกิดจากผู้บริหารถูกกล่าวอ้างว่ากระทำความผิด และยังอยู่ในระหว่างกระบวนการพิจารณา ตรวจสอบ สอบสวนโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐและส่งเรื่องให้ศาลเป็นผู้ตัดสินในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งตามหลักกฎหมายแล้วยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์
แม้จะยังไม่มีท่าทีใดๆ จาก บริษัท อิตาเลียนไทย แต่ทางฟากของสังคมเริ่มแสดงปฏิกิริยาต่อต้านอย่างเห็นได้ชัด โดยเมื่อวันที่ 29 เมษายน นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า หากคดีล่าสัตว์ป่าสิ้นสุดโดยพบว่านายเปรมชัยมีความผิดเกิดขึ้นจริง บริษัทจะต้องปรับเปลี่ยนผู้บริหารใหม่ เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์บรรษัทธรรมาภิบาล ตามกฎระเบียบของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่หากบริษัทไม่ยอมปรับเปลี่ยนผู้บริหาร รฟม.ไม่สามารถให้เข้าร่วมประมูลโครงการก่อสร้างใหม่ในอนาคตได้ เพราะต้องปฎิบัติตามหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งจะแบล็คลิสต์บริษัทนั้นไปโดยปริยาย
ขณะที่การรณรงค์ผ่าน change.org นั้นกลับมาคึกครื้นอีกครั้ง ในแคมเปญ ขอให้ภาครัฐงดทำสัญญากับบริษัทอิตาเลี่ยน-ไทย และบริษัทที่ไร้ธรรมาภิบาล ปัจจุบันมีผู้ร่วมลงชื่อสนับสนุนแล้วกว่า 14,000 คน ร่วมลงชื่อได้ทาง https://bit.ly/2jgmnkE
ปิดท้ายความเคลื่อนไหว ด้วยเรื่องราวความสนใจในคดีของสาธารณชน ที่ยังคงติดตาม รณรงค์ และแสดงออกกันมาอย่างต่อเนื่อง โดยวันที่ 29 เมษายน ในงาน แบงค็อก คอมิค คอน และ ไทยแลนด์ คอมิค คอน 2018 มหกรรมการแสดงคอนเทนต์ภาพยนตร์และการ์ตูนทั้งจากฝั่งฮอลลีวู้ดและทางฝั่งญี่ปุ่น เป็นอีกงานที่สาวกคอสเพลย์ มักจะออกมาแต่งตัวเป็นตัวละครที่ชอบ แต่ในงานหนนี้กลับมีหนุ่มคนหนึ่ง แต่งชุดที่ไม่มีใครคาดว่าจะเห็นในงาน ซึ่งก็คือชุดล่าสัตว์ป่า พร้อมมีเหล่าคอสเพลย์ในชุดแบล็คแพนเธอร์เข้าร่วมแจม กลายเป็นที่ฮือฮาและมีบอดแชร์บนโลกออนไลน์เป็นจำนวนมากทีเดียว
คอสเปรมชัยกะเสือดำของเขา…
Posted by Ponlawat Roigaew on Sunday, 29 April 2018
อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกรณี ซีอีโออิตาเลียนไทยล่าสัตว์ในป่าทุ่งใหญ่นเรศวรในเว็บไซต์มูลนิธิสืบนาคะเสถียร