เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2561 อัยการ ภาค 7 ได้แถลงผลการพิจารณาคดี นายเปรมชัย กรรณสูต กับพวก รวม 4 คน ตามคำชี้ขาดอัยการสูงสุด ประกอบด้วย สั่งฟ้อง นายเปรมชัย กรรณสูต ผู้ต้องหาที่ 1 จำนวน 6 ข้อหา นายยงค์ โดดเครือ ผู้ต้องหาที่ 2 จำนวน 7 ข้อหา นางนที เรียมแสน ผู้ต้องหาที่ 3 จำนวน 5 ข้อหา และนายธานี ทุมมาศ ผู้ต้องหาที่ 4 จำนวน 8 ข้อหา
โดยอัยการสูงสุดยังคงสั่งฟ้องนายเปรมชัยและพวกตามจำนวนข้อกล่าวเดิมที่เคยแถลงไปแล้วก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 4 เมษายน และไม่สั่งฟ้องเพิ่มตามที่ ผู้บังคับบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7 ได้มีความเห็นแย้ง 3 ข้อหา ประกอบด้วย ฐานร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาต ฐานร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานร่วมกันพยายามล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
ในประเด็นความผิด ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมีเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์ และร่วมกันพยายามล่าสัตว์เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น มีเพียงโทษทางปกครอง ส่วนโทษทางอาญา ไม่มีกฎหมายบัญญัติ
ส่วนเรื่องที่นายเปรมชัย ยังยื่นร้องขอความเป็นธรรมการสอบสวนพยานเพิ่มเติม สถานที่อยูในวันเวลาที่เกิดเหตุและขอให้สอบสวนบุคคลภายนอก และให้สอบนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ แต่อัยภาคภาค 7 เห็นว่ามิใช่พยานที่เกี่ยวข้องกับคดี เป็นเพียงพยานบุคคลที่ให้ความเห็นที่ถูกเชิญไปให้สัมภาษณ์ตามสถานีโทรทัศน์ และถือว่าเป็นการประวิงเวลา
ในส่วนที่มีเพิ่มเติมเข้ามานั้น ครั้งนี้ อัยการ ภาค 7 ได้เพิ่มค่าเสียหายทางอาญา จากเดิมที่ให้ผู้ต้องหาทั้ง 4 ชดใช้ จำนวน 462,000 บาท เพิ่มเป็น 3,012,000 บาท โดยใช้วิธีคิดจากราคาจัดซื้อเสือดำของสวนสัตว์ไนท์ซาฟารี จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อปี 2549 บวกกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการเพื่อนำเสือดำปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ
โดย ในวันนี้ 2 พฤษภาคม นายเปรมชัยและพวก ต้องเดินทางไปรายงานตัวต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิ ตามครบกำหนดผัดฟ้องฝากขังผัดสุดท้าย และศาลจะนัดสืบพยานทั้งฝ่ายโจทย์และจำเลย เพื่อไต่สวนมูลฟ้องต่อไป