อุณหภูมิร่างกายปกติของคนเราจะอยู่ที่ 37 องศาเซลเซียส ซึ่งถ้ามากกว่านี้แปลว่าคุณมีไข้ การเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 1-2 องศามันก็ทำให้คุณไม่สบายตัวได้ จนต้องวิ่งวุ่นหาหมอเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยเหล่านั้น
แล้วถ้าโลกมีอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นล่ะ ใครที่จะเป็นคนรับผิดชอบต่อสภาวะนี้ ?
หลายคนอาจจะมองว่าโลกร้อนขึ้นเพียงแค่ 1 องศาคงไม่เป็นไรหรอก แต่อย่าลืมว่าโลกก็เหมือนร่างกายคนเรานั่นแหละ เมื่อมีส่วนหนึ่งส่วนใดเสียหายก็ย่อมทำให้เกิดสภาวะร้ายแรงอื่น ๆ ตามมามากมาย
ในรายงานล่าสุดพบว่าภายในปี 2100 ระดับน้ำทะเลจะเพิ่มสูงขึ้นกว่า 2 เมตร หากอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้น 5 องศาเซลเซียส อาจจะส่งผลให้ที่ดินกว่า 1.79 ล้านตารางกิโลเมตรได้รับความเสียหาย ประชากรโลกกว่า 187 ล้านคนไร้ที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะดินแดนและประเทศในแถบมหาสมุทรแปซิฟิก
ตัวเลขอุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้น 1–2 องศาเซลเซียส ไม่ใช่เรื่องที่มนุษย์ควรเพิกเฉย แต่ยิ่งทำให้ต้องตื่นตัวมากขึ้น เพราะนี่คือสัญญาณความเปลี่ยนแปลงซึ่งถ้าเราไม่แก้ปัญหาตั้งแต่ตอนนี้เราจะไม่สามารถหยุดยั้งภาวะโลกร้อนได้อีกต่อไป
อุณหภูมิเพิ่มขึ้น 1 องศาเซลเซียส
1. เกิดภาวะแห้งแล้งรุนแรง ผลผลิตจะลดลง ขาดแคลนอาหาร
2. เกิดทะเลทรายใหม่ ๆ ความชื้นในดินจะลดลง หน้าดินก็จะแห้ง และถูกลมพัดหายไป กลับกลายเป็นทะเลทรายอีกครั้ง
อุณหภูมิเพิ่มขึ้น 2 องศาเซลเซียส
1. นํ้าแข็งบนกรีนแลนด์ ซึ่งธรรมชาติใช้เวลาสะสมมานานกว่า 150,000 ปี จะหายไป ระดับนํ้าทะเลจะเพิ่มสูงขึ้น
2. โลกจะสูญเสียแนวปะการังซึ่งเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์ไปเกือบทั้งหมดเนื่องจากปรากฏการณ์ฟอกขาว
3. สัตว์นํ้าลดความอุดมสมบูรณ์ลง
4. มหาสมุทร ซึ่งถือเป็นอ่างรับคาร์บอนที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นด่านแรกของกลไกซับคาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศ โดยปกติแล้วสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ หลายชนิดจะดูดซับเอาคาร์บอนใน นํ้าทะเล เพื่อนําไปใช้สร้างกระดูกหรือเปลือก คาร์บอนไดออกไซด์ที่มากเกินไปจะทําให้นํ้าทะเลเป็นกรดมากขึ้น และไปขัดขวางกระบวนการดูดคาร์บอน
อุณหภูมิเพิ่มขึ้น 3 องศาเซลเซียส
1. เป็นจุดที่นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าเราจะไม่สามารถย้อนกลับหรือหยุดยั้งกระบวนการโลกร้อนได้อีกต่อไป
2. ขั้วโลกเหนือจะไม่มีนํ้าแข็งในหน้าร้อนอีกต่อไป
3. ป่าฝนอะเมซอนจะมีสภาพแห้งแล้ง ยอดเขาแอลป์ไม่เหลือชั้นนํ้าแข็ง
4. พายุรุนแรงที่เคยเกิดขึ้นในความถี่ร้อยปีต่อ 1 ครั้ง จะเกิดบ่อยขึ้นจนเป็นเรื่องปรกติธรรมดา และจะต้องปรับเพิ่มมาตรวัดความเร็วพายุใหม่
5. คลื่นความร้อนเกิดขี้นทั่วทวีปยุโรป จนกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา เหมือนกําลังอาศัยอยู่ในตะวันออกกลาง (เหมือนเหตุการณ์คลื่นความร้อนที่เคยเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2003 ทําให้มีผู้เสียชีวิตทั่วยุโรปสูงถึง 3 หมื่นคน)
6. กระบวนการสังเคราะห์แสงจะหยุดชะงักลง พืชเก็บออกซิเจนไว้และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศแทน
โลกของเรากำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤต ในปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2561) ทั่วโลกปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกเอาไว้ ขณะที่ความหลากหลายทางชีวภาพกำลังลดน้อยลง และมลพิษจากกิจกรรมของมนุษย์กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เราต้องตระหนักถึงการปกป้องทรัพยากรโลกและลงมือแก้ไขให้เร็วที่สุด