‘ไฟป่า’ ถ้าไม่ได้เกิดจากป่าแล้วมาจากไหน? 

‘ไฟป่า’ ถ้าไม่ได้เกิดจากป่าแล้วมาจากไหน? 

ไฟป่าประเทศไทยที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ล้วนเกิดจาก ‘ฝีมือมนุษย์’ แทบทั้งสิ้น

‘ไฟป่า’ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ แต่เป็นภัยพิบัติที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบนิเวศ ทรัพยากรธรรมชาติ สัตว์ป่า และมนุษย์ เมื่อเชื้อเพลิง ออกซิเจน และความร้อนมาบรรจบกัน สามสิ่งสำคัญที่เป็นจุดกำเนิดของ ‘ไฟ’ ทว่าเจตนาของการเกิดไฟกลับเป็นตัวแปรสำคัญของความรุนแรง

และเมื่อถูกซ้ำเติมด้วยลมแรงและความแห้งแล้ง เปลวไฟก็ยิ่งทวีความรุนแรงและลุกลามไปทั่วอย่างรวดเร็ว เผาผลาญทุกสิ่งที่ขวางหน้า ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ ต้นไม้ หรือแม้แต่ชีวิตของสัตว์ป่าที่ไม่สามารถหนีได้ ในช่วงฤดูไฟป่านี้ แอดมินชวนมาทำความรู้จักกับไฟป่า สถานการณ์ไฟป่าในปัจจุบัน สาเหตุและผลกระทบที่เกิดขึ้น รวมถึงแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่า ‘ไฟป่า’ ไม่ได้หมายถึงไฟที่เกิดจากป่าเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงไฟที่ ‘เกิดขึ้นในป่า’ จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงในธรรมชาติ และลุกลามไปโดยอิสระอย่างรวดเร็ว ปราศจากการควบคุม กระจายตัวเป็นวงกว้าง สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในป่าธรรมชาติ หรือสวนป่าก็ตาม

ไฟป่าสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยทั้งจากปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ และจากกิจกรรมมนุษย์ แต่จากข้อมูลการรายงานสาเหตุการเกิดเหตุไฟป่าทั่วประเทศ ของสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 – 2567 พบว่า ไฟป่าที่เกิดขึ้นล้วนเกิดจาก ‘ฝีมือของมนุษย์’ แทบทั้งสิ้น ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการเก็บหาของป่า โดยมีค่าเฉลี่ยร้อยละ 57.45 ของสาเหตุการเกิดไฟป่าทั้งหมด และปี 2567 พบไฟป่าจากการหาของป่าสูงถึงร้อยละ 62.20

ส่วนสาเหตุอื่น ๆ ที่พบ เช่น ล่าสัตว์ เผาไร่/พื้นที่การเกษตร เลี้ยงปศุสัตว์ การลักลอบทำไม้ นักท่องเที่ยว ความขัดแย้ง และความคึกคะนอง ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจากกิจกรรมมนุษย์ทั้งสิ้น

สถานการณ์ไฟป่าในปัจจุบัน

จากข้อมูลสถิติพบว่าพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่มีจำนวน hotspot สะสมในปัจจุบัน (1 ตุลาคม 2567 – 9 มีนาคม 2568) สูงที่สุด คือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จ.กาญจนบุรี พบ 839 จุด และในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีแนวโน้มน่าเป็นห่วง โดยในปี 2566 มีพื้นที่ถูกไฟไหม้จำนวน 261,331 ไร่ ปี 2567 จำนวน 177,825 ไร่ และในปี 2568 (ข้อมูลถึง 7 มีนาคม 2568) มีพื้นที่ถูกไฟไหม้ไปแล้ว 162,174.23 ไร่ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากยังอยู่ในช่วงฤดูไฟป่า

ซึ่งสาเหตุของไฟป่ามาจากการจุดไฟเผาป่าโดยเจตนาเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ อาทิ การไล่ช้างป่าและสัตว์ป่า เพื่อเข้าไปเก็บหาของป่าอย่างผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการลักลอบตัดไม้ไผ่ การเตรียมพื้นที่เกษตรโดยไม่มีการควบคุม ทำให้ไฟลุกลามเข้าป่า และการเก็บหาของป่าเพื่อการค้า เช่น รังผึ้งป่า ผักหวานป่า และเห็ดเผาะ 

ผลกระทบของการเกิดไฟป่า

ผลกระทบต่อมนุษย์ – ฝุ่น ควัน และเขม่าที่เกิดจากการเผาไหม้เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจและผิวหนัง การสูดดมควันไฟเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง แสบตา ไอ จาม และหายใจลำบาก ในกรณีที่รุนแรง อาจนำไปสู่โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง เช่น โรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง มะเร็งปอด นอกจากนี้ หากสะสมเขม่าในร่างกายปริมาณมาก อาจเสี่ยงให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบ และหัวใจวาย

ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม – ไฟป่าส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศอย่างรุนแรง ดินที่ถูกไฟไหม้จะสูญเสียความอุดมสมบูรณ์และโครงสร้าง ทำให้ความสามารถในการดูดซับน้ำลดลง เถ้าถ่านและสารพิษที่เกิดจากการเผาไหม้จะปนเปื้อนแหล่งน้ำ ทำให้คุณภาพน้ำเสื่อมโทรมและเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ นอกจากนี้ ไฟป่ายังทำลายแหล่งอาหารและถิ่นอาศัยของสัตว์ป่า ทำให้สัตว์ป่าต้องอพยพหรือล้มตาย ส่งผลให้ความหลากหลายทางชีวภาพลดลง

ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม – ไฟป่าสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและสาธารณูปโภค เช่น บ้านเรือน ถนน และระบบไฟฟ้า รวมถึงส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตรและการท่องเที่ยว และปัญหาฝุ่นควันไฟยังบดบังทัศนวิสัย ทำให้การคมนาคมขนส่งเป็นไปอย่างยากลำบากและอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้

การป้องกันและแก้ไขปัญหา

การป้องกันไฟป่าถือเป็นสิ่งสำคัญและเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เราทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้โดยการไม่จุดไฟเผาป่า ไม่ทำกิจกรรมที่ก่อให้เกิดประกายไฟใกล้ป่า เข้าร่วมโครงการชิงเก็บ ลดเผา จัดทำแนวกันไฟ การจัดการเชื้อเพลิง และการให้ความรู้แก่ประชาชน รวมถึงช่วยกันสอดส่องดูแล หากพบเห็นไฟป่าและผู้กระทำความผิด ควรรีบแจ้งเจ้าหน้าที่สายด่วนทันที หรือโทร 1362 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง 

และที่สำคัญ การเผาป่าในพื้นที่คุ้มครองถือเป็นความผิดทางกฎหมาย ซึ่งมีบทลงโทษตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ผู้กระทำผิดต้องโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี และปรับสูงสุด 2,000,000 บาท

นอกจากนี้ยังมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสามารถลงโทษเพิ่มเติมได้ตามความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมถึงผู้กระทำผิดต้อง ‘ชดใช้’ ต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพยากรป่าไม้ ในอัตราไร่ละ 120,000 บาท โดยเงินค่าเสียหายนี้จะนำไปใช้ในการฟื้นฟูสภาพป่าและระบบนิเวศที่ถูกทำลาย

ไฟป่า แม้จะเป็นเหมือนดาบสองคมที่มีทั้งคุณและโทษ แต่ปัจจุบันคนกลับใช้ประโยชน์ของไฟป่าธรรมชาติมาเป็นข้ออ้างในเผาป่า เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ของตัวเองในทางที่ไม่ชอบ เพราะไฟป่าที่เกิดจากป่าจริง ๆ พบได้น้อยมากจนถึงไม่พบเลย

อ้างอิง

ผู้เขียน

+ posts

สาวแว่นทาสแมวที่ชอบบอกเล่าเรื่องราวผ่านลายเส้น มีธรรมชาติช่วยฮีลใจ และหลงใหลในพระจันทร์เสี้ยว