ป่า คือ ชีวิต เขื่อน คือ หายนะ
ชาวสะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ ที่ร่วมกันต่อสู้กับการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น โครงการขนาดใหญ่ของรัฐมายาวนาน ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม “รำลึก 35 ปีต่อต้านเขื่อนแก่งเสือเต้น” ขึ้นในหมู่บ้าน ระหว่าง 22-24 พฤศจิกายน 2567
โดยหนึ่งกิจกรรมของงาน ชาวสะเอียบได้จัดให้มีพิธี ‘บวชป่า’ ที่ ‘ดงสักงาม’ ป่าสักทองผืนใหญ่ที่สุดของประเทศไทย
สถานที่ที่จะหายลับไป หากมีการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น
ซึ่งการบวชป่าเป็นกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ของการพิทักษ์ป่าและการต่อสู้กับโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ ที่ยืนหยัดต่อสู้มายาวนานถึง 35 ปี
“ถ้าใครนำผ้าเหลืองออกแล้วตัดต้นไม้ จะถือว่าทำบาปมาก”
…
ในปี พ.ศ. 2536 จาวบ้านได้ตกลงเลิกตัดไม้ทำลายป่าอย่างเด็ดขาด ด้วยการเชิญนักการเมือง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เช่น อธิบกีกรมป่าไม้ มารับมอบเครื่องมือการตัดไม้ของจาวบ้านทั้งหมด เพื่อเป็นการประกาศเจตนารมณ์และให้คำมั่นสัญญาของจาวบ้านที่จะเลิกตัดไม้และจะดูแลรักษาป่าแม่ยมด้วยตนเอง ซึ่งในครั้งนั้นมีแม่ทัพภาคที่ 3 เป็นผู้รับมอบเครื่องมือทำไม้ทั้งหมด
นับตั้งแต่นั้นมาจาวบ้านจึงได้ดำเนินการอนุรักษ์ป่าแม่ยม ภายใต้กลุ่ม ราษฎรรักษ์ป่า มีกิจกรรมต่างๆ เช่น การปลูกป่าเพิ่มเติม การรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม การบวชป่า และสืบชะตาแม่น้ำ ควบคู่ไปกับการรณรงค์คัดค้านเขื่อนแก่งเสือเต้น เพื่อรักษาป่าแม่ยมและสิทธิชุมชน และยึดถือปฏิบัติตามกฎที่ร่วมกันตั้งขึ้นอย่างเคร่งครัดจนถึงปัจจุบัน
อ้างอิง
ผู้เขียน
ผู้ที่อยากบอกเล่าเรื่องราวจากป่า ให้ตรงกับนามสกุล