ย้อนกลับไปเกือบสองปีที่แล้ว…
เราได้มีโอกาสเดินทางเข้ามาที่หน่วยพิทักษ์ป่าทินวย หรือปัจจุบันเป็นที่ตั้งสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก (เมื่อก่อนสำนักงานเขตฯ อยู่ที่หน่วยพิทักษ์ป่าซ่งไท้ ลึกเข้าไปในป่าใหญ่อีกหลายกิโลเมตร ด้วยความไม่สะดวกในการเดินทาง และการติดต่อสื่อสาร จึงได้ย้ายสำนักงานมาอยู่ในจุดปัจจุบันที่เดินทางไปถึงได้รวดเร็วกว่า)
นั่นเป็นครั้งแรก และเป็นงานแรกๆ ที่ได้มีโอกาสเดินทางเข้าพื้นที่การทำงานของมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ในภารกิจเยี่ยมเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ตามหน่วยพิทักษ์ป่าต่างๆ ในพื้นที่มรดกโลก อันเป็นกิจกรรมที่มูลนิธิสืบฯ ได้ทำต่อเนื่องมาหลายปี สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันจนครบทุกแห่ง
การไปเยี่ยมเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าตามหน่วยต่างๆ นอกจากจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่กับเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิสืบฯ แล้ว ยังเป็นการเข้าไปช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ขาด เช่น เสบียง และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่ต้องการ ซึ่งทางมูลนิธิฯ ได้หามาสนับสนุนในบางส่วน ผ่านการสนับสนุนโดยกิจกรรมที่ทำร่วมกับสาธารณชนทั่วไป หรือองค์กรที่มีความประสงค์อยากให้การสนับสนุนงานรักษาป่าของเจ้าหน้าที่
ในฐานะน้องใหม่ สารภาพว่าเป็นการเดินทางครั้งที่รู้สึกตื่นเต้นที่สุด เพราะเราเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของป่าทุ่งใหญ่ฯ มานาน ทั้งจากงานเขียน และสารคดีหลากหลายเรื่อง ในที่สุดก็ได้มาสัมผัสสถานที่จริงๆ เสียที
การเดินทางเข้าป่าทุ่งใหญ่ฯ ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เนื่องจากถนนหนทางในป่าไม่ได้สะดวกสบายเหมือนเช่นในเมือง และด้วยความบังเอิญว่าช่วงที่เดินทางนั้นมีฝนเป็นระยะๆ ทั้งๆ ที่ผ่านเลยฤดูฝนฉ่ำมาแล้วระยะหนึ่ง จึงเป็นการเดินทางที่ทุลักทุเลพอสมควร
กลับมาที่ปัจจุบัน เมื่อช่วงวันหยุดยาวต้นเดือนธันวาคม ได้มีโอกาสติดสอยห้อยตามพี่เจ้าหน้าที่ภาคสนามมูลนิธิสืบนาคะเสถียร พื้นที่ทุ่งใหญ่ฯ เดินทางเข้าไปติดตั้งนิทรรศการมรดกโลก ณ อาคารนิทรรศการและศูนย์บริการ ที่หน่วยฯ ทินวย นับเป็นการกลับไปเยือนสถานที่แห่งนี้อีกครั้งในรอบเกือบสองปี
เมื่อมีเวลาว่างก็ถือโอกาสเดินสำรวจรอบๆ สำนักงาน แม้จะไม่ใช่การเดินเข้าป่าลึก หรือเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติแต่ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างให้ศึกษาอย่างเพลิดเพลินจนหมดวันไปแบบไม่รู้ตัว หากเป็นคนที่ชอบดูนก ที่นี่มีนกเยอะมาก แต่น่าเสียดายที่เรารู้จักเพียงแค่ไม่กี่ชนิด จะถ่ายรูปไว้ก็ไม่ได้ เพราะดันถือเลนส์มือหมุน 25 mm. ไป ภาพที่ได้ก็อย่างที่เห็นนี่ล่ะ
เดินมาเรื่อยๆ เลยจุดตรวจเข้ามาทางด้านขวามือ ข้างทาง สังเกตเห็นรถเก่าๆคันหนึ่งจอดอยู่ ก็เลยแฉลบเข้ามาดูใกล้ๆ พอรู้ประวัติแล้ว ก็ต้องอุทานว่า คุณทวดสังกะสีนี่ไม่ธรรมดาแฮะ!!
คุณทวดสังกะสีคันนี้เข้ามาปฏิบิติภารกิจอยู่ในป่าทุ่งใหญ่ฯในสมัยหัวหน้าเขตฯ คนแรก และยังเป็นรถยนต์คันเดียวของที่นี่ที่คอยรับส่งเสบียงให้กับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าทุ่งใหญ่ ในหนทางสุดทุรกันดาร (ตอนนี้ทางก็ดีขึ้นเยอะแล้ว แต่รถดีๆ เจอทางแบบนี้เข้าไปก็ยังแทบแย่อยู่เหมือนกัน) ด้วยเหตุนี้คนที่นั่นก็เลยเก็บรถคันนี้ไว้เป็นอนุสรณ์ เพื่อรำลึกถึงความลำบากของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าทุ่งใหญ่ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ทั้งที่ยังทำงานและเสียชีวิตไปแล้ว อาจจะพูดแบบเว่อร์ๆ ได้เลยว่า ชีวิตของคนทำงานในอดีตนั้นฝากเอาไว้กับคุณทวดสังกะสีคันนี้
ในส่วนของสำนักงานนั้นยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกหนึ่งกิจกรรม นั่นก็คือเส้นทางศึกษาธรรมชาติ “บ้านของสัตว์ป่า” ระยะทาง 1.5 กิโลเมตร แต่น่าเสียดายว่าการเดินทางหนนี้มีเวลาไม่มากพอที่จะปลีกตัวไปเดินดูความสมบูรณ์ในเส้นทางบ้านของสัตว์ป่า ก็ไม่เป็นไร เดินสำรวจรอบๆ สำนักงานก็เพลิดเพลินเพียงพอแล้ว
ที่สะดุดตาเป็นอย่างมากคือ ต้นปรงเขาต้นใหญ่ บอดี้สวย อลังการ มีความเป็น Jurassic Park มาก ขออธิบายสั้นๆ ว่าเจ้าต้นปรงเขา พืชดึกดำบรรพ์นี้มีวิวัฒนาการมาตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ เป็นสัญลักษณ์คู่ผืนป่าทุ่งทุ่งใหญ่มาช้านาน บางต้นสูงใหญ่หลายเมตรบ่งบอกถึงอายุที่ยืนยงคู่กับผืนป่าทุ่งใหญ่มาหลายร้อยปี
เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าเล่าให้ฟังว่าหากไกลออกไประหว่างทางไปหน่วยพิทักษ์ป่าที่อยู่ข้างใน ก็จะเจอปรงเขา และเป้งดอย ขึ้นอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้า อันเป็นภาพที่หลายคนน่าจะคุ้นตากันดี เพราะมีสารคดีและหนังสือหลายๆ เล่มที่พูดถึงป่าทุ่งใหญ่ฯ ก็มักจะมีภาพบรรยากาศแบบนี้มาประกอบให้เห็นอยู่เสมอ
แต่เหนืออื่นใด ความสมบูรณ์ที่อยู่ยั้งยืนยงมาจนทำให้เราได้เห็น ได้สัมผัส ในวันนี้ ก็มาจากภารกิจพิทักษ์ป่าของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าทุกคนที่ทำหน้าที่แทนเราอยู่ทุกคืนวัน เวลาไปเที่ยวป่า เที่ยวอุทยานแห่งชาติ ถ้าเจอพี่ๆ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าก็อย่าลืมกล่าวคำขอบคุณให้พี่ๆ กันด้วยนะ
…
บทส่งท้าย ก่อนเดินทางกลับ
ยามเช้าที่สำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก นอกจากอากาศหนาวเย็นกำลังดี เสียงนกหลายสายพันธุ์ที่ร้องประสานทำนองธรรมชาติ
กลิ่นหอมของหญ้า…
แสงเช้าของวันใหม่… สาดส่องลงมาตามยอดไม้ ดุจดังฉากในภาพยนตร์ไซไฟ
เป็นช่วงเวลาดีๆ ที่เพียงแค่มองก็สุขไปข้างใน
…เราอาจไม่สามารถเก็บเอาบรรยากาศแบบนี้กลับออกไปได้… แต่เรายังเก็บภาพความทรงจำนี้ไว้ได้
ขอบคุณเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่รักษาสิ่งดีๆ เอาไว้ให้กับเรา