ปลายฝนต้นหนาวอย่างนี้เป็นที่รู้กันว่าฤดูกาลแห่งสีสันบนดอยสูงกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
สำหรับที่นี่ หมู่บ้านแม่กลองน้อย อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก หมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา ช่วงครึ่งทางของการเดินทางจากแม่สอดสู่น้ำตกทีลอซู เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง
มีไม่กี่คนนักที่เลือกหมู่บ้านแม่กลองน้อยแห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางของการเดินทางมายังอุ้มผาง นอกเสียจากเขสคนนั้นจะเป็นนักชิมกาแฟตัวยง
เรามาที่นี่ในช่วงปลายเดือนกันยายน แม้ไม่ใช่ช่วงที่ผลกาแฟกำลังสุกงอมเป็นสีแดงสดใสอยู่บนต้นกาแฟ แต่หอมกลิ่นกาแฟอาราบิก้านั้นเย้ายวนอารมณ์ให้อยากเดินทางมาฟังเรื่องราวของกาแฟรักษาป่า ณ จุดเริ่มต้นของเรื่องราว
การเดินทางมาในครั้งนี้เรามากับตัวแทนจากกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ สถาบันอาศรมศิลป์ กลุ่มวาย น็อต โซเชี่ยล เอ็นเตอร์ไพร์ส และบล็อกเกอร์จากเพจ gogetlost ที่จะเดินทางมาเก็บเกี่ยวเรื่องราวดีๆ จากชุมชนบ้านแม่กกลองน้อยแห่งนี้ และสื่อสารออกไปตามสไตล์และช่องทางของตนเอง
ทริปนี้เราเริ่มต้นออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง มายังสนามบินแม่สอด ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นต่อรถกระบะจากสนามบินขึ้นไปยังหมู่บ้านแม่กลองน้อย ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง ในการนั่งรถไปบนเส้นทางอันคดเคี้ยวหลายร้อยโค้ง อันนี้ต้องขอบอกก่อนว่าการนั่งเครื่องมาในครั้งนี้ทำให้เราประหยัดเวลาในการเดินทางไปร่วมหกชั่วโมงเลยทีเดียว เนื่องจากระยะเวลาอันจำกัดของเราในทริปนี้ซึ่งมีเวลาเก็บเรื่องราวเพียง 3 วัน
และที่เห็นอยู่ไกลๆ นั่นคือหมู่บ้านแม่กลองน้อย เป้าหมายของการเดินทางของเราในครั้งนี้ ชาวบ้านที่นี่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ชาวม้ง อาชีพหลักคือการทำการเกษตร
เมื่อมาถึงพี่ซ้ง คุณณรงค์ศักดิ์ มาลีศรีโสภา เจ้าหน้าที่ภาคสนามมูลนิธิสืบนาคะเสถียร พื้นที่อุ้มผาง ให้การต้อนรับพวกเราเป็นอย่างดี หลังจากที่ได้นั่งพักผ่อนให้หายเวียนหัวกันแล้ว พี่ซ้งก็เริ่มแนะนำพื้นที่หมู่บ้านแม่กลองน้อยและงานที่พี่ซ้งและมูลนิธิสืบฯ ตั้งใจจะทำให้แก่ผู้มาเยือนได้รับฟังกัน ก่อนที่จะตามด้วยกาแฟดริปร้อนๆ หอมกรุ่นชื่นใจอีกคนละถ้วย
เมล็ดกาแฟอาราบิก้า คั่วสดใหม่ พิถีพิถันทุกขั้นตอนด้วยฝีมือพี่ซ้ง ถูกนำเข้าที่บดกาแฟแล้วบดหยาบๆ พอเหมาะแก่การดริป ตามด้วยน้ำร้อน…วนรอบช้าๆ จากวงนอกสู่วงใน ด้วยความสดใหม่ของเมล็ดกาแฟและการเทน้ำที่ถูกต้องทำให้ตัวกาแฟฟูสวยงามอย่างที่เห็น
เมื่อดื่มกาแฟกันพอหอมปากหอมคอแล้ว ก็ได้เวลาออกเดินทางไปดูที่มาของกาแฟกันต่อ โดยเราออกเดินทางจากบ้านพี่ซ้งไปยังสวนกาแฟซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกราวยี่สิบนาที ก่อนจะถึงสวนกาแฟเราผ่านสวนผัก สวนผลไม้ ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ยังคงวิถีการทำการเกษตรในแบบของตนเองอยู่
เมื่อจอดรถแล้วเดินอีกเล็กน้อยก็ถึงสวนกาแฟออแกนิกส์ ปลูกและดูแลด้วยวิธีทางธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมีฉีดพ่นให้ธรรมชาติเป็นผู้คัดสสรรค์ในตัวของมันเอง มาครั้งนี้โชคดี เรายังได้เห็นผลกาแฟเริ่มสุก เห็นลูกแดงๆ ประปรายแซมอยู่กับผลเขียวๆ
ก่อนหน้านี้เราเคยเขียนเกี่ยวกับกาแฟรักษาป่าต้นน้ำมาแล้ว ดังนั้นในครั้งนี้เราจะไม่พูดถึงแล้วกันว่าที่ว่ารักษาป่าต้นน้ำนั้นมันเป็นอย่างไร แต่ถ้าอยากหาคำตอบ ลองไปอ่านบทความก่อนหน้านี้ทั้ง 2 ตอน ได้ที่ ป่า สายน้ำ และ กาแฟ บ้านแม่กลองน้อย ตอนที่ 1 และตอนที่ 2
ส่วนครั้งนี้ขอพาไปชมสวนกาแฟ พาไปดื่มด่ำกับบรรยากาศของหมู่บ้านแม่กลองน้อย และตบท้ายด้วยการไปเดินป่าสำรวจป่าต้นน้ำแม่น้ำแม่กลอง
ด้วยหมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ร้านค้าที่มีอยู่ประปราย จึงเป็นศูนย์รวมของผู้คนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเช้าตรู่ และช่วงเย็นๆ หลังเลิกงานกลับจากเลือกสวนไร่นา หน้าร้านค้ามักจะจอแจไปด้วยผู้คน บ้างมาซื้อหาข้าวของเครื่องใช้ บ้างมาแวะทักทายปราศรัยกันก่อนจะแยกย้ายไปทำภารกิจส่วนตัว
หากมาที่นี่มีเวลาลองเดินเล่นรอบๆ หมู่บ้าน แล้วจะรู้ว่าคนที่นี่น่ารักมากๆ ใจดี มีรอยยิ้มต้อนรับผู้มาเยือน บางบ้านถึงกับชวนกินข้าว กินผลไม้ด้วยกันเลยก็มี
มาถึงเรื่องอาหารการกิน เรามีพี่ดา ภรรยาพี่ซ้ง แม่ครัวผู้มีความสุขกับการทำอาหาร และชอบดูคนทานอาหารฝีมือตัวเองอย่างมีความสุข ไม่ว่าจะมาที่นี่กี่ครั้งพี่ดาก็พัฒนาฝีมือขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะเป็นเมนูที่ดูแล้วแสนจะธรรมดา พี่ดาก็ปรุงออกมาได้อย่างอร่อยแบบไม่น่าเชื่อ อย่างเมนูน้ำพริกมะเขือ สูตรเด็ดของพี่ดา ก็ใส่เพียง มะเขือเทศ ผักชี มะนาว และพริก เพียงเท่านี้ผู้ที่ได้ลิ้มลองต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “อร่อย” จนอยากจะห่อกลับไปให้คนที่บ้านได้ลองทานด้วย
วันต่อมา เราออกเดินทางไปเชิงเขาท้ายหมู่บ้าน เพื่อเตรียมเดินป่าไปดูน้ำตกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของต้นน้ำแม่น้ำแม่กลอง ระหว่างทางพี่ซ้งก็เล่าเรื่องราวของผืนป่าแห่งนี้ไปพร้อมๆ กับนำพาพวกเราเดินขึ้นทางลาดชัน และลัดเลาะไปตามเชิงเขา
ระหว่างทางเขียวชอุ่มเต็มไปด้วยมอส เฟิร์น และกล้วยไม้ซึ่งเกาะอยู่ตามโขดหิน และต้นไม้
สายลมเย็นๆ ที่พัดมาทำให้การเดินทางครั้งนี้ช่างรื่นรมย์กว่าครั้งไหนๆ
แม้ว่าวันนี้การเดินทางไปหมู่บ้านแม่กลองน้อยจะไม่สะดวกสบาย หากตั้งใจจะมาเรียนรู้ มาดื่มกาแฟที่เต็มไปด้วยเรื่องราวดีๆ รสชาติดีๆ รับรองจะต้องไม่ผิดหวัง
และหากมาถูกช่วงเวลา (พฤศจิกายน-มกราคม) ซึ่งเป็นช่วงที่ผลผลิตกาแฟกำลังออกเต็มที่ และเริ่มเก็บผลผลิตได้ เราอาจได้ลองเก็บผลกาแฟสดๆจากต้น มาลองทำ process ต่างๆอีกด้วย หากมีเวลามากพอจะลองมาเรียนรู้ให้จบทั้งกระบวนการเลยก็ยังได้
วันนี้ด้วยศักยภาพและบทบาทของบ้านแม่กลองน้อย อาจทำให้ที่นี่เป็นเสมือนประตูสู่ห้องรับแขกในผืนป่าตะวันตก ให้กับผู้คนมากหน้าหลายตาได้เข้ามาสัมผัสอีกมิติหนึ่งในการทำงานอนุรักษ์ผืนป่าของมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ผ่านการบอกเล่าเรื่องราวของคนทำงานจริงในสถานที่จริง และเรียนรู้ลงมือปฏิบัติไปพร้อมกัน
เมื่อเรียนรู้ และเข้าใจ ดีแล้ว การเกิดจิตสำนึกที่อยากจะเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาผืนป่าคงตามมาได้ไม่ยาก