วีรวัธน์ ธีรประสาธน์ – งานป้องกันการล่าสัตว์ต้องจัดการที่ต้นเหตุ

วีรวัธน์ ธีรประสาธน์ – งานป้องกันการล่าสัตว์ต้องจัดการที่ต้นเหตุ

หากกล่าวถึงเรื่องราวของผืนป่าทุ่งใหญ่นเรศวร คงจะเป็นไปไม่ได้หากไม่เอ่ย วีรวัธน์ ธีรประสาธน์ อดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคนนี้

วีรวัธน์ คือหัวเรี่ยวหัวแรงคนสำคัญในการปกป้องผืนป่าทุ่งใหญ่นเรศวรจากเขื่อนน้ำโจน ทำหน้าที่ทั้งวางกลยุทธ์เพื่อหยุดเขื่อนไปจนถึงการสนับสนุนข้อมูลความสำคัญของผืนป่าให้แก่สื่อมวลชน

และต่อเนื่องมาถึงการยกระดับผืนป่าทุ่งใหญ่ให้เป็นมรดกโลก เขาเป็นคนที่รับหน้าที่ทำข้อมูล โดยการออกเดินสำรวจผืนป่าทุ่งใหญ่และห้วยขาแข้งร่วมกันกับสืบ นาคะเสถียร

สำหรับบทบาทหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า วีรวัธน์ บอกว่า การทำงานของเขาคือการป้องกันที่ต้นเหตุ หรือทางควบคุมเพื่อไม่ให้มีการกระทำผิดกฎหมายเกิดขึ้นในพื้นที่อนุรักษ์

ซึ่งจากกรณี นายเปรมชัย กรรณสูตที่เกิดขึ้นนั้น อดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์เล่าว่า ในยุคนั้นแทบจะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น

“มันแทบไม่เห็นโดยเฉพาะคนเมือง ที่เจอจับได้คณะใหญ่ก็มีก็ส่งคดีไป แต่พยายามที่จะคุมตั้งแต่ตอนแรก เราคิดว่าการปล่อยให้เขาล่าสัตว์ป่านั่นหมายถึงเราไม่สามารถชุบชีวิตสัตว์ได้เพราะถูกยิงแล้ว ดังนั้นเราจึงเอาตั้งแต่ต้นว่าคุณไม่สามารถเอาปืนเข้าไปได้ นี่เป็นภาระหน้าที่เราที่ต้องป้องกัน”

 

 

เพราะยุคก่อนมันเข้ายากกว่าปัจจุบันจึงเกิดการล่าสัตว์น้อยกว่า?

ไม่หรอก ไอ้พวกนักล่ามันชอบอยู่แล้วสิ่งที่ลำบากพวกนี้ เพราะอย่าลืมว่าคนเข้าไปนั้นมี 2 พวก พวกหนึ่งเข้าไปเที่ยวเอาเหล้ายาเข้าไปกินกัน ผู้ใหญ่มักจะเป็นแบบนั้น พาขบวนใหญ่เข้าไป เจ้าหน้าที่ต้องจัดเตรียมเหล้ายาปลาปิ้ง พวกนี้จะต้องการความสะดวกหน่อย แต่สำหรับพวกล่ามันไม่จำเป็นว่าต้องเป็นที่ถนนหนทางดี เพราะพวกนี้มันชอบคงชอบที่จะผจญภัยจึงไม่จำเป็นต้องมีความสะดวกสบาย ยิ่งในพื้นที่ที่มันเข้ายาก กันดารนั่นแหละคือแหล่งที่สัตว์ป่าชุกชุม ฉะนั้นพวกนักล่าก็จะชอบ

 

ยืนยันใช่ไหมว่าสมัยก่อนมันเกิดการล่าน้อยมาก?

แทบไม่มีเลย ตั้งแต่ปี 2530 ถึงปัจจุบันแทบไม่มี แม้แต่ชาวบ้านบริเวณรอบๆ คนกะเหรี่ยงเองเขาก็ต้องปรับ เพราะการดำเนินการในลักษณะนั้นมันไม่ได้แล้ว ถ้าเรียกง่ายๆ ในภาษาเราก็คือกระแสสังคมมันไม่รับแล้ว

 

เป็นไปได้หรือเปล่าว่าสมัยนั้นมีการลาดตระเวนจึงทำให้ไม่พบการล่าสัตว์ในพื้นที่?

ไม่หรอกครับ เพราะว่าอย่างไรเสียเส้นทางเข้าออกมันไม่ใช่ว่าจะสามารถไปทางไหนก็ได้ มันถูกกำกับว่าเส้นทางไหนที่มีโอกาสที่เขาจะลักลอบ ยิ่งคนที่อาศัยรถเข้าไป รถยนต์เนี่ยยิ่งถูกจำกัดเส้นทางให้แคบอีก มันต้องผ่านด่าน ผ่านถนน

 

สมัยนั้นก็เปิดให้เข้าได้หากมีการขออนุญาตก่อน?

ปัญหาไม่ใช่การขออนุญาตหรือไม่ขออนุญาต แต่เป็นการควบคุมยังไงไม่ให้เกิดการกระทำผิดกฎหมาย ถ้าคนขออนุญาตยังทำผิดกฎหมายอยู่นี่ก็จะกลายเป็นว่าการขออนุญาตไม่ใช่ประเด็นสำคัญแล้ว ขออนุญาตแต่มีช่องทางให้กระทำผิดกฎหมาย ดังนั้นการขอหรือไม่ขออนุญาตเข้าพื้นที่จึงไม่ใช่ประเด็นสำคัญ สมัยก่อนมันชัดเจน ถึงแม้จะมีการบอกให้อำนวยความสะดวก แต่มิได้หมายถึงว่าเป็นการอำนวยความสะดวกให้ทำผิด จึงมีการกวดขัน

 

ที่เกิดการล่าสัตว์ป่าน้อย ก็แสดงว่ายังมีเกิดใช่ไหม?

มันแทบไม่เห็นโดยเฉพาะคนเมือง ที่เจอจับได้คณะใหญ่ก็มีก็ส่งคดีไป แต่พยายามที่จะคุมตั้งแต่ตอนแรก เราคิดว่าการปล่อยให้เขาล่าสัตว์ป่านั่นหมายถึงเราไม่สามารถชุบชีวิตสัตว์ได้เพราะถูกยิงแล้ว ดังนั้นเราจึงเอาตั้งแต่ต้นว่าคุณไม่สามารถเอาปืนเข้าไปได้ นี่เป็นภาระหน้าที่เราที่ต้องป้องกัน ประเด็นไม่ใช่อยู่ที่การทำผิดแล้วส่งคดี แต่ประเด็นสำคัญที่เราต้องทำและคุมให้ได้คือการป้องกันไม่ให้เกิดการกระทำความผิด ซึ่งคุณก็ต้องมาคิดเอาว่าวิธีป้องกันมันอย่างไร แม้แต่ผู้ใหญ่ในกรมเองก็สามารถป้องกันได้ด้วยการไม่เปิดช่องให้คนเหล่านี้เข้าไปทำผิดกฎหมาย แล้วเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในพื้นที่หากมีผู้หลักผู้ใหญ่บอกมาว่าให้อำนวยความสะดวก แต่ก็ต้องยึดกฎหมายเป็นหลัก คำว่าอำนวยความสะดวกไม่ได้หมายถึงอำนวยความสะดวกให้กระทำผิดกฎหมายได้ คุณก็ต้องตรวจ มันต้องสังเกตได้ เช่น ยกตัวอย่างเสบียงอาหารไม่เห็นมีอะไร เตรียมมาแต่ข้าวสารอย่างนี้ก็เริ่มสงสัยแล้ว หรือการมีผู้หญิงมาด้วยก็อาจเป็นแม่ครัวก็ซักถามเขาเลย

 

ปกติจะมีเจ้าหน้าที่ไปประกบนักท่องเที่ยวที่เข้าไปไหม?

ปกติถ้าผู้ใหญ่ให้อำนวยความสะดวก อย่างดีที่สุดก็ควรไปประกบเลย สมัยที่ทำงานจะดูว่ามีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน ไม่จำเป็นต้องทุกราย จะใช้วิธีการสังเกตและตัดสินใจ

 

เจ้าหน้าที่มีวิธีการรับมือกับการลักลอบล่าสัตว์ป่าอย่างไร?

อย่าให้มีโอกาสล่า มันไม่ใช่ไปล่าแล้วจับกุม มันเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ว่าคนกระทำผิดแล้วเขาก็ต้องรับโทษ แต่ถ้าถามว่าการปฏิบัติหน้าที่ที่ดีกว่านั้นก็คืออย่าเปิดช่องให้มีการกระทำผิด

นอกจากจะตรวจสอบเข้มงวดแล้ว เรายังรู้ไปถึงว่ารอบๆ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ามีหมู่บ้านอะไรบ้าง ใครเป็นพรานบ้าง เรารู้ถึงขนาดว่าใครเป็นพราน เราก็ไปคุยกับเขาที่บ้าน แล้วเวลาคนข้างนอกจะเข้าไป เขาก็จะอาศัยพรานพวกนี้นำทางเข้าไป ฉะนั้นการทำงานมันไม่ใช่การตั้งรับอย่างเดียว มันต้องรุกและรู้จักชุมชนค่อนข้างดีว่าใครเป็นพรานบ้าง ชักชวนเขาให้เลิกได้ไหม หรือใช้ความรู้ความสามารถมาทำงานเป็นประโยชน์ให้กับสังคมไม่ดีกว่าหรือ เวลาใครถามผมว่าจะปราบอย่างไรผมไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก ผมปราบไม่ค่อยเป็น การทำงานของผมเป็นการป้องกันเสียมากกว่า เวลาเขาใช้คำว่าป้องกันและปราบปราม คุณกลับไปใช้ปราบปรามไม่มีป้องกัน ผมไม่จำเป็นต้องไปขออาวุธเพิ่มเพราะผมไม่ใช่พวกปราบปราม

มันจำเป็นต้องจับไหม ทำไมคุณไม่แก้ปัญหาไม่ให้เกิดการล่าล่ะ

 

ฝากอะไรถึงเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติงานกันในตอนนี้

ผมให้กำลังใจว่า กำลังใจที่ดีที่สุดก็คือการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ตรงไปตรงมา ความภูมิใจของการปฏิบัติหน้าที่มันอยู่ที่การปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาและเกิดประโยชน์กับส่วนรวม อยากให้กำลังใจว่าเมื่อคุณปฏิบัติหน้าที่ที่ดีย่อมมีคนสนับสนุนคุณเยอะ

เพราะนี่คือกำลังใจสมัยที่ผมทำงาน ผมสร้างกำลังใจให้ผมเองว่าถ้าผมทำดีคนที่เป็นเพื่อนผมก็จะเยอะขึ้น ผมไม่จำเป็นต้องไปทำในสิ่งที่ใครสั่งมาให้ทำไม่ถูก ผมไม่ทำอยู่แล้ว

ฉะนั้นถามว่ากำลังใจอยู่ตรงไหน กำลังใจคือการปฏิบัติหน้าที่ที่ดีที่จะเป็นกำลังใจให้ตัวคุณเองอยู่แล้ว คุณต้องสร้างกำลังใจตัวเองอย่าไปให้คนอื่นสร้างกำลังใจ สร้างกำลังใจให้แก่ตัวเองโดยการปฏิบัติหน้าที่ที่ดีแล้วคุณจะมีกำลังใจของคุณเอง ผมไปสร้างให้เขาไม่ได้ มันอยู่ที่ตัวเขา

 


สัมภาษณ์ พัชริดา พงษปภัสร์ เจ้าหน้าที่สื่อสารองค์กร มูลนิธิสืบนาคะเสถียร