หากพูดถึงงานกีฬาสีสมัยเรียนมัธยม สิ่งแรกที่ผู้เขียนจะนึกถึงก็คือ ขนมปี๊บที่ถูกบรรจุลงถุงพลาสติก พร้อมกับน้ำแดงสีจาง ๆ รสชาติจืดชืดเหมือนน้ำเปล่า ที่เหล่ารุ่นพี่คอยหยิบยื่นระหว่างที่ร้องเพลงเชียร์มาตลอดทั้งวัน และอีกสิ่งหนึ่งที่อยากเอ่ยถึงนั่นก็คือ เหล่าสาวสวย หนุ่มหล่อ สวมเสื้อผ้าที่ถูกประดับด้วยขนนก หรือไม่ก็เครื่องประดับลายกนกตามแบบฉบับชุดไทย หนุ่มสาวกลุ่มนี้ก็คือเชียร์หลีดเดอร์ ผู้คอยแต่งแต้มสีสันข้างสนามในวันที่อากาศร้อนระอุ แต่เรากลับได้เห็นความสดใสจากคนกลุ่มนี้ที่คอยเต้นเชียร์นักกีฬาในสนาม พร้อมกับจังหวะเพลงชวนเต้นจากเหล่ากองเชียร์ที่ส่งเสียงกระหึ่มดังไปทั่วโรงเรียน
วันวานเหล่านี้หวนเข้ามาในความคิดของผู้เขียนอีกครั้ง ในวันที่ผู้เขียนได้รู้จักกับธีรภัทร รักษวงศ์ หรือเนคไท หนุ่มวัย 17 ผู้ที่บอกเล่าเรื่องราวของสืบ นาคะเสถียร ผ่านงานกีฬาสีของโรงเรียน
งานกีฬาสีของแต่ละโรงเรียนจะคงรูปแบบคล้าย ๆ กัน นั่นก็คือ มีเหล่ารุ่นพี่ที่คอยเตรียมการและดูแลน้อง ๆ ภายในสี เหล่านักกีฬา กองเชียร์ เชียร์หลีดเดอร์ และขบวนพาเหรด แต่สิ่งหนึ่งที่มีความแตกต่างกันออกไปนั่นก็คือ ธีมในแต่ละปีที่แตกต่างกัน แต่ละสีจะงัดไม้เด็ดออกมาขู่คำรามสีคู่แข่ง โรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูล จังหวัดกระบี่ แห่งนี้ก็เช่นเดียวกัน ความแปลกใหม่ของงานกีฬาสีในปีนี้ก็คือ การนำบุคคลมาบอกเล่าเรื่องราวเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงการต่อสู้เพื่อสัตว์ป่าและผืนป่าของเมืองไทย โดยนำเรื่องของคุณสืบ นาคะเสถียร มาเป็นเส้นเรื่องหลักในการถ่ายทอด
เส้นทางนักกิจกรรมของธีรภัทร รักษวงศ์
ปัจจุบันเนคไทกำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูล จังหวัดกระบี่ ก่อนจะได้รับความไว้วางไว้ใจให้เป็นประธานสีเขียวคนล่าสุดของปีนี้ เขาเคยเป็นประธานนักเรียนมาก่อนสมัยที่เรียนอยู่ชั้น ม.5 สิ่งนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นผู้นำและการทำงานร่วมกันกับคนหมู่มาก
บทบาทประธานสีเขียวของเนคไทเริ่มต้นขึ้นช่วงเดือนมิถุนายน 2562 ซึ่งเป็นช่วงของการเตรียมการต่าง ๆ ภายในสี การคิดธีมให้โดดเด่นกว่าสีอื่น ๆ คือความท้าทายหนึ่งที่พวกเขาต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่า สิ่งที่พวกเขาคิดมันไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน พวกเขาสามารถทำมันได้ และสร้างอิมแพ็คให้กับคนในสังคม
ธีมสืบ นาคะเสถียร คือการวางภาพใหญ่ของสีเขียวในปีนี้ ซึ่งแต่ละสีต้องคิดธีมสี เพื่อเป็นแนวทางในการถ่ายทอดงานต่าง ๆ เช่น การแสดงบนเวที และขบวนพาเหรด เนคไทเล่าให้ฟังว่า ตอนแรกในทีมมีการนำเสนอหลายธีมแต่ไม่ค่อยลงตัวมากนัก มีการถกเถียงกันภายในทีม ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่เนคไทเองก็มองว่าแต่ละคนก็มีชุดความคิดที่แตกต่างกัน แต่สุดท้ายแล้วทุกคนก็ต้องการข้อสรุปที่ดีที่สุด
ธีมนี้ถูกเสนอโดยเพื่อนคนหนึ่งในทีมของเนคไท แต่ด้วยความที่เป็นเด็กรุ่นใหม่ เพื่อน ๆ คนอื่น ๆ อาจจะไม่ค่อยคุ้นชินกับเรื่องราวของคุณสืบมากนัก พวกเขาจึงต้องทำการบ้านอย่างหนักเพื่อให้การนำเสนอธีมสืบ นาคะเสถียรเป็นธีมที่ถูกเลือก ภายหลังจากการประชุมครั้งนั้นทางเนคไทและทีมคนอื่น ๆ จึงไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อมาซับพอร์ตแนวคิด และนำมาเสนอเพื่อน ๆ อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งหลายคนก็เริ่มเห็นด้วยกับธีมสืบ นาคะเสถียร
ทุกอย่างที่นำเสนออกมาจะมีความเกี่ยวเนื่องกับธีมสืบ นาคะเสถียรทั้งหมด เริ่มตั้งแต่การคิดขบวนพาเหรดไปจนถึงการแสดงของหลีดและแสตนด์เชียร์
“เรานำเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าเข้าไปอยู่ในขบวนพาเหรด ให้ทุกคนได้เห็นว่าสภาพแวดล้อมในเขตรักษาพันธุ์ช่วงที่อุดมสมบูรณ์ พอเข้าโชว์ของสแตนด์และเชียร์หลีดเดอร์ ก็จะแสดงให้เห็นถึงความสวยงามของสัตว์ป่า ความเป็นอยู่ของสัตว์ป่ามีความสุขมากน้อยแค่ไหน เรากำลังบอกให้เขาได้เห็นว่าพันธุ์ไม้ สัตว์ป่า ที่อยู่ร่วมกันบนโลกมนุษย์นั้นมีความอุดมสมบูรณ์มากน้อยแค่ไหน จนวันหนึ่งที่มนุษย์เข้าไปรุกรานป่าซึ่งเป็นบ้านของสัตว์ป่าเหล่านั้น เกิดความขัดแย้งขึ้น ปัญหานี้มันต้องมีคนคนหนึ่งที่ลุกขึ้นมาเพื่อปลุกใจคนไทยที่กำลังกระทำความผิดนั้นอยู่ และได้มีการโชว์ยิงตัวตายและมีบทหนึ่งที่พูดบันทึกข้อความของคุณสืบ
ผมมีเจตนาที่จะฆ่าตัวเอง โดยไม่มีผู้ใดเกี่ยวข้องในกรณีนี้ทั้งสิ้น…
การแสดงชุดนี้พยายามที่จะถ่ายทอดเจตนารมณ์ของคุณสืบเพื่อให้เห็นว่าแม้วันนี้คุณสืบจะไม่อยู่แล้ว แต่เจตนารมณ์หรือความคิดของคุณสืบก็ยังคงดำเนินต่อไปได้ในรุ่นต่อ ๆ ไป” เนคไทกล่าว
แม้จะเป็นเรื่องใหม่สำหรับพวกเขาแต่ทุกฝ่ายก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะถ่ายทอดเรื่องราวของสืบ นาคะเสถียรให้ออกมาดีที่สุด
“ถ้าเปรียบเป็นการปกครอง คุณสืบคือผู้ที่ปกครองผืนป่าแล้วมีประชาชนเป็นเหล่าสัตว์ป่า และพืชพรรณต่าง ๆ เพื่อให้ทุกสิ่ง มีชีวิตที่เท่าเทียมกัน สัตว์ป่าและต้นไม้กำลังถูกเอารัดเอาเปรียบ แต่ไม่มีโอกาสที่จะต่อสู้และได้อยู่ในสังคมที่มันควรจะเป็น คุณสืบคือผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือเหล่าสัตว์ หรือประชากรที่เขาปกครองอยู่ ให้ได้มีโอกาสเงยหน้าอ้าปากอีกครั้ง คุณสืบเหมือนเป็นคนพลิกผืนป่า ที่กำลังถูกมนุษย์รุกราน หรือทำลายสภาพแวดล้อมที่ธรรมชาติได้สร้างไว้” ประโยคหนึ่งที่เนคไทกล่าวถึงคุณสืบ
แม้พวกเขาจะพลาดรางวัลชนะเลิศจากการแสดงในครั้งนี้ แต่พวกเขากลับได้ถ้วยรางวัล The best การบริหารจัดการยอดเยี่ยม อีกหนึ่งกำลังใจและเป็นตัวการันตีการทำงานของพวกเขาในครั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเชื่อว่าพวกเขาจะได้รับนั่นก็คือความเชื่อมั่นในความกล้าที่พวกเขามี กล้าที่จะแปลก กล้าที่จะลุกขึ้นมาทำอะไรใหม่ ๆ และเสียงปรบมือจากผู้คนในสนาม ก็เป็นตัวยืนยันแล้วว่าพวกเขาทำมันได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
ก่อนจะจบการพูดคุยวันนี้ เนคไทได้พูดถึงเรื่องการรุกรานทรัพยากรธรรมชาติโดยฝีมือมนุษย์ได้อย่างน่าสนใจ เขากล่าวว่า
“ในปัจจุบันมนุษย์ได้รุกรานพื้นที่ที่เป็นบ้านของสัตว์ป่า และธรรมชาติไปเยอะแล้ว อนาคตเราอาจจะสูญเสียทรัพยากรเหล่านี้ไปเลยก็ได้ คนรุ่นหลัง ๆ อาจจะไม่รู้จักคุณสืบแล้วก็ได้ แต่อยากให้ทุกฝ่ายเห็นความสำคัญในการอยู่ร่วมกันของสัตว์โลก ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ สัตว์ป่า ต้นไม้ หรือสภาพแวดล้อมที่เรามองเห็นอยู่ในปัจจุบัน
สัตว์ไม่สามารถเรียกร้องสิทธิ์ให้กับตัวเองได้ ไม่สามารถพูดกับมนุษย์ได้ว่า หยุดทำ หยุดทำลาย แต่มนุษย์ควรจะคิด และตระหนักได้เองว่าจะไม่ไปทำลายเขา
อยากให้เยาวชนมีบทบาทในสังคมมากขึ้นในการตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ เด็กไม่ได้เป็นแค่อนาคตของชาติ เพราะเด็กก็เป็นปัจจุบันของชาติเช่นเดียวกัน ควรเปิดพื้นที่ให้กับคนที่มีความคิดร่วมกันมาออกแบบอนาคต ให้เขามีสิทธิ์ในการโต้ตอบกับผู้ใหญ่ในสังคม”
ในวันที่แสงเทียนใกล้ดับลง ผู้เขียนเชื่อว่าจะมีแสงเทียนดวงอื่น ๆ เข้ามาแทนที่เสมอ และแม้ในวันที่เลวร้ายที่สุดจะมีคนธรรมดาคนหนึ่ง ลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกที่เขายืนอยู่ และหนึ่งในนั้นก็คือ สืบ นาคะเสถียร เราขอจดจำชื่อเขาในความทรงจำ ในนามของบุรุษที่ต่อสู้เพื่อผืนป่า สัตว์ป่าให้กับคนไทยมาตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา
เราไม่เคยลืมสืบ
ร่วมรำลึกการจากไปครบรอบ 29 ปี สืบ นาคะเสถียร