แสงสุดท้ายของวันลับไปจากเงื้อมผาเขาหินแดงความมืดเข้าปกคลุมฝั่งตะวันตกของลำห้วยทับเสลาอันเป็นที่ตั้งของที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งข้ามฝั่งไปคือหมู่บ้านและโรงเรียนเขาหินแดงชุมชนในป่าที่ต้องใช้ทางดินหินโผล่สัญจรเข้ามาจากถนนนอก
ก่อนนี้หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหนุ่มใหญ่สะสางการงานประจำวัน สั่งลูกน้องวิทยุไปบอกยกเลิกนัดหมายงานบรรยายวิชาการที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่อีกครั้ง หลังจากเปลี่ยนใจจะไปเองอยู่รอบหนึ่ง หลังจากครั้งแรกที่เปลี่ยนใจจะส่งม้วนวีดีโอไปเปิดแทน คราวนี้เขาตัดสินใจแน่วแน่ที่จะอยู่ “ที่นี่”
ผ่านหัวค่ำ เหล้านอกเลิศรสที่มีผู้กำนัลมาถูกหัวหน้าเขตยกมาดื่มกับลูกน้องที่เป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ป่าคนสนิท ชื่อ “หม่อม” หลังอาคารห้องพักของหม่อมที่ใช้เป็นโรงครัว
ที่โต๊ะอาหารเล็กๆหม่อมจำได้ว่ากินกันสามคนเหล้าตราดำเพียวๆถูกรินแจกจ่ายไม่มีโซดาน้ำแข็งนี่เป็นเรื่องธรรมดาในป่าที่ไม่มีไฟฟ้า
วงเหล้าคุยงานการสัพเพเหระจนพร่องค่อนขวดหม่อมจึงขอตัวไปตรวจเวรยามตามหน้าที่ ปล่อยหัวหน้ารักษาพงไพรคนนั้นนั่งต่อในความมืด
ก่อนเที่ยงคืน หม่อมเดินกลับมา พบกับหัวหน้าของเขาอีกครั้งที่โรงอาหารชื่อแปลก “ติเตะ” ไม่ไกลจากห้องครัวที่นั่งดื่มกับหัวหน้าไปก่อนหน้านี้หัวหน้าขอยาเส้นจากเจ้าหน้าที่เวรยามเฝ้าสำนักงานมวนพ่นไฟวาบพลางถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ
มันเป็นคำถามที่หม่อมคิดว่าไม่น่าถามว่าเจ้าหน้าที่คนนั้นเป็นอยู่เป็นอย่างไรอยู่ได้ไหมที่บ้านเป็นไงเพราะเขาเป็นคนที่หัวหน้าคุ้นเคย
หม่อมไม่ได้เฉลียวใจว่านั่นเป็นคำถามที่แสดงความห่วงใยต่อลูกน้องครั้งสุดท้าย…
หม่อมเดินออกมาส่งหัวหน้าที่ซุ้มเฟื่องฟ้า บริเวณทางเดินผ่านห้องพักของเขาลงเนินเดินไปยังบ้านพักหัวหน้าที่ปลูกโดดไว้ตรงตลิ่งริมห้วยทับเสลา ตีนเขาหินแดง สายน้ำที่ไหลจากป่าก่อนอ้อมวกไปทางหมู่บ้านด้านตะวันออก
หัวหน้าใช้แววตาสดใส มีความสุข โบกมือลาหม่อม “พี่ไปนะหม่อม”
ก่อนที่ชายร่างสูงโปร่งคนนั้นจากก้าวเท้าหายไปทางบ้านพักในความมืด… หม่อมจำได้ว่าเห็นสีหน้าแววตาของคนที่ปลอดโปร่ง มีความสุขไร้ความกังวลใดๆ และหม่อมจำภาพนั้นได้ตลอดมาแม้ผ่านเวลามาแล้วยี่สิบกว่าปี…
มีคนเห็นว่ากลางดึกคืนนั้น หัวหน้าเดินกลับมาที่ห้องหม่อม แต่เจ้าของห้องออกไปเดินตรวจเวร หัวหน้าคงเอาของอะไรมาฝากให้สักอย่าง เมื่อไม่พบก็กลับไปบ้านพัก
ก่อนรุ่งสาง… มีเสียงปืนดังขึ้นที่พักริมห้วยทับเสลาหลังโดดหลังนั้น ไม่มีใครสนใจเพราะเมื่อยี่สิบปีที่แล้วเสียงปืนในราวป่าเป็นสิ่งคุ้นเคยของคนทำงานในป่า ตอนเช้าหัวหน้าไม่ได้ขึ้นมาจากบ้านริมห้วยเหมือนเคย ไม่มีใครสงสัยเพราะคิดว่าคงทำงานดึก จนกระทั่งสิบเอ็ดโมง หม่อมเดินลงไปตาม ค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปพบภาพที่ติดตาอยู่จนวันตาย
หัวหน้าสืบ นาคะเสถียร นอนตะแคงเหมือนคนหลับ ที่ศรีษะมีรอยลูกปืนเป็นรูแดงเลือดซึมแห้ง…
มีคนบอกหม่อมว่า หม่อมต่อยเสาบ้านซ้ำๆ อย่างบ้าคลั่งจนมือแตกพูดว่า “ไม่จริงๆ” แต่หม่อมไม่รู้ตัว
นั่นคือ คำบอกเล่าของหม่อม เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าคนสนิทของหัวหน้าสืบในคืนข้ามสู่กันยายน ปี 2533 เมื่อ 29 ปีที่แล้ว