“เมืองกาญจน์” เป็นเมืองที่เคยเป็นแหล่ง “เที่ยวป่า” มายาวนาน รสนิยมของคนเมืองกาญจน์หลายกลุ่มก็น่าจะยังชอบเที่ยวป่าหายิงสัตว์เล่น แม้จะไม่มากเหมือนก่อน
ไม่กี่ปี่ที่แล้วเมืองกาญจน์มีร้านอาหารที่มีเมนูสัตว์ป่าอยู่เป็นธรรมดา
ปัจจุบันร้านอาหารที่โฆษณาว่าเป็นร้านอาหารป่าก็ยังมีทั่วไป มีสัตว์ป่าในเมนูบ้างก็เยอะ
ร้านข้าวแกงข้างถนน ยังมีแกงสัตว์ป่าสงวน และสัตว์ป่าคุ้มครองขาย
เจ้าหน้าที่ไปตรวจจับ ส่วนใหญ่ไม่เจอจริง อาจจะเพราะหลบได้ บางที ก็เจอเนื้อสัตว์ป่าปลอม โดยใช้เนื้อหมู เนื้อวัว มาแช่อะไรบางอย่าง เขาว่ามันจะเหมือนเนื้อเก้งหรือเลียงผา ส่งตรวจทางวิทยาศาสตร์ก็ไม่ใช่สัตว์ป่า แต่แปลกว่ามีเมนู หรือทำเนื้อปลอมขาย ถ้าไม่มีเนื้อสัตว์ป่าจริงก็ไม่มีความผิด
แบบนี้จึงทำให้ค่านิยมการกินเนื้อสัตว์ป่าที่เมืองกาญจน์ยังมีอยู่ทั่วไป
ได้สั่งกินของจริงของปลอมก็คงรู้สึกว่าอร่อยกว่ากินอาหารปกติ เป็นความรู้สึก หรืออร่อยจริงก็ไม่รู้
หลายปีที่แล้ว ผมถูกชวนไปร่วมพิธีโครงการปล่อยสัตว์ป่า ที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าสลักพระ มีผู้นำชุมชน ชาวบ้านถูกชวนมาร่วมงานด้วยตามธรรมเนียม
พื้นที่ปล่อยสัตว์อยู่ลึกไปในทางป่า ผมติดรถเจ้าหน้าที่เข้าไป มีพิธีร่วมปฏิญาณไม่กินเนื้อสัตว์ป่าไปตามเรื่องตามราว เสร็จเรื่องของผมก็กลับออกมาก่อน ไม่อยากเป็นภาระให้ใครมาส่ง เลยขอนั่งรถผู้นำชุมชนออกมาด้วย ด้านหลังกระบะ ตอนนั้นผมไม่มีใครรู้จักมากนัก ชาวบ้านระดับแกนนำนั่งกันมาเต็มหลังรถ
เขาคุยหัวเราะกัน เรื่องปฎิญาณไม่กินเนื้อสัตว์ป่า ว่ายังไงเขาก็ไม่เลิกกิน กินมานานแล้ว เลิกไม่ได้
ผมก็เข้าใจอารมณ์ชาวบ้าน กึ่งๆเมืองกึ่งป่า แบบนี้ได้
กรณีของคณะปลัดกับ อส. คนเมืองกาญจน์ นี่ก็อาจเป็นกรณีตกค้างของคนชอบทางนี้
ปัจจุบัน ป่ากาญจนบุรีที่เหลือสัตว์ป่าก็อยู่ในอุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เกือบทั้งสิ้น ในป่าสงวนด้านนอกไม่น่าจะมีสัตว์ป่า นอกจากเก้งหลงๆ มา หรือกะรอก กะแต ป่าสงวนนี่เข้าง่ายไม่มีเจ้าหน้าที่ แต่ก็แทบจะหมดแล้วทั้งป่า และสัตว์ป่า
ถ้าจะเที่ยวป่า ล่าสัตว์ ก็ต้องแอบเข้าเส้นทางที่ไม่มีด่านเจ้าหน้าที่ของหน่วยพิทักษ์ป่า ในป่าอุทยาน และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
นอกจากแอบ ก็อาจจจะเข้าทางชุมชนที่อยู่ในป่า วัด โรงเรียน หาข้ออ้างไปเยี่ยมเพื่อน ไปแจกของ ไปทำบุญ ฯลฯ แล้วเอาปืนซุกไป
เส้นทางเข้าป่าที่คณะปลัดเข้าไปเป็นเหมืองแร่เก่าปัจจุบันเลิกแล้ว ไม่มีชุมชน มีสำนักสงฆ์อยู่ลึกๆ แห่งเดียว คณะนี้คงใช้เป็นข้ออ้างเข้าไปเที่ยวป่า โดยการทำบุญ
มีเส้นทางแบบนี้อีกหลายเส้น แต่ก็ไม่มากนัก เจ้าหน้าที่คงพอดูได้ ดูอย่างคณะนี้ก็โดนจับ (หวังว่าจะมีที่ไม่โดนจับไม่มากนัก)
นอกจากนี้ถ้าจะแก้ที่ต้นเหตุ จังหวัดกาญจนบุรีต้องรณรงค์เรื่องนี้อย่างจริงจัง
ย้ำกับผู้นำชุมชนและข้าราชการ
ผมคิดว่าควรห้ามมิให้ร้านอาหาร ร้านข้าวแกง มีเมนูสัตว์ป่า แม้จะขายเนื้อสัตว์ป่าปลอมก็ตาม โดยประกาศของจังหวัด ไม่รู้อิงกฏหมายอะไรได้บ้าง
อยากให้มีป้ายรณรงค์ของจังหวัดใหญ่ๆ ทั่วๆ ว่าซื้อขายอาหารเนื้อสัตว์ป่าผิดกฏหมาย เรื่องการครอบครองซาก ตามพ.ร.บ.สัตว์ป่า
จังหวัดกาญจนบุรี น่าทำครับ