6 มิถุนายน 2561 ความคืบหน้ากรณีอัยการจังหวัดทองผาภูมิ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) จำเลยที่ 1 นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 นางนที เรียมแสน จำเลยที่ 3 และนายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 ต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิ ในคดีอาญา หมายเลขดำ ที่ 219/2567
จากเดิมเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม จำเลยทั้ง 4 คน ได้เดินทางมาที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ ตามที่ศาลได้นัดมาสืบพยานหลักฐาน สอบคำให้การ และตรวจพยานเอกสาร แต่เนื่องจากว่า นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 และนายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 ไม่มีทนายความเดินทางมาด้วย เนื่องจากติดภารกิจว่าความคดี ศาลจึงได้นัดตรวจพยานออกไปเป็นวันที่ 6 มิถุนายน เวลา 09.00 น.
โดยในวันที่ 6 มิถุนายน 256 นายเปรมชัย กรรณสูต พร้อมพวก 4 คน จำเลย เดินทางมาถึงศาลจังหวัดทองผาภูมิ และได้เข้าไปภายในห้องพิจารณาคดี 1 ที่อยู่บนชั้น 2 โดยมีทนายความของจำเลยทั้ง 4 คนมากันอย่างครบถ้วน ซึ่งทั้งหมดมีสีหน้าที่นิ่งและเรียบเฉย จากนั้นนายพนมฤทธิ์ หอมนิจสกุล อัยการจังหวัดทองผาภูมิ นายกฤษฎา ชูโต รองอัยการจังหวัดทองผาภูมิ นายกฤษฎา ชูโต รองอัยการจังหวัดทองผาภูมิ และ พ.ต.ท.อำนาจ สุจริตชัย รองอัยการจังหวัดกาญจนบุรี ในฐานะโจทก์ ได้เดินทางมาถึง และได้ขึ้นไปที่ห้องพิจารณาคดีทันที และเดินทางกลับในเวลา 11.00 น. โดยนายเปรมชัยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน
นายวิทูล แย้มพราย ทนายความของนายเปรมชัย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า คดีนี้ศาลเห็นว่าจะต้องหารือว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตฯ หรือไม่ ซึ่งต้องให้ประธานศาลอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณา ดังนั้นศาลจึงเลื่อนนัดพร้อม เพื่อฟังคำสั่งและตรวจพยานหลักฐาน ออกไปเป็นวันที่ 27 สิงหาคม 2561 ส่วนการเดินทางมาในวันนี้เพียงแค่มาตามที่ศาลนัดเอาไว้เท่านั้น
ด้านนายพนมฤทธิ์ หอมนิจสกุล อัยการจังหวัดทองผาภูมิ เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ศาลทองผาภูมิได้นัดพร้อมเพื่อตรวจพยานหลักฐาน แต่ปรากฏว่าทนายความของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ได้ยื่นคำร้องโดยอ้างว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 ถูกฟ้องในคดีอาญา ทุจริตประพฤติมิชอบภาค 7 (ร่วมกันติดสินบนเจ้าพนักงาน) ซึ่งได้แถลงว่าคดีนี้น่าจะเกี่ยวพันกับคดีดังกล่าว จึงขอให้ศาลส่งคดีนี้ไปให้ประธานศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจศาลดังกล่าวหรือไม่
ดังนั้น ศาลจังหวัดทองผาภูมิได้ให้ส่งคดีนี้ไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก่อน จึงให้เลื่อนนัดพร้อมไปเป็นวันที่ 27 สิงหาคม ซึ่งจะนัดโจทก์และจำเลยมาพร้อมกัน เพื่อรอฟังผลวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์อีกครั้งหนึ่ง
ส่วนการที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิจะให้ประธานศาลอุทธรณ์ พิจารณาขอบเขตของอำนาจศาลว่าคดีดังกล่าวนั้นอยู่ในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตนั้น อัยการจังหวัดทองผาภูมิไม่ได้หนักใจอะไร ซึ่งการทำคดีก็ว่ากันไปตามหลักฐาน แต่ถ้าศาลมุ่งประสงค์ที่จะโอนไปที่ศาลอาญา ถ้าเป็นหลักฐานชุดเดียวกัน คดีที่เกี่ยวพันกัน ตามกฎหมายถ้าศาลจะโอนก็ว่ากันไปและไปสืบที่ศาลอาญาในคดีเดียวกัน ซึ่งขณะนี้ฝ่ายของจำเลยยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และจำเลยก็ได้จัดตั้งทนายความขึ้นมาครบถ้วนแล้ว
อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกรณี ซีอีโออิตาเลียนไทยล่าสัตว์ในป่าทุ่งใหญ่นเรศวรในเว็บไซต์มูลนิธิสืบนาคะเสถียร