วิเคราะห์ความผิดและโทษ หลังอัยการสั่งฟ้องคดีล่าสัตว์ทุ่งใหญ่

วิเคราะห์ความผิดและโทษ หลังอัยการสั่งฟ้องคดีล่าสัตว์ทุ่งใหญ่

จากที่อัยการภาค 7 ได้แถลงรายละเอียดการสั่งฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเว๊ลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และพวกรวม 4 คน ในคดีล่าสัตว์ป่าที่ทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ในฐานะองค์กรที่เฝ้าติดตามคดีนี้มาโดยตลอด ได้จัดเฟสบุ๊คไลฟ์วิเคราะห์ความผิดและโทษ หลังอัยการสั่งฟ้องคดีล่าสัตว์ปาทุ่งใหญ่ ในวันที่ 9 เมษายน โดยมีนายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร และนางสาวอรยุพา สังขะมาน หัวหน้าฝ่ายวิชาการ ร่วมวิเคราะห์

โดยรายละเอียดการวิเคราะห์นั้นอ้างอิงจากจำนวนข้อหาที่อัยการกำลังจะสั่งฟ้องนายเปรมชัยและพวก จำนวนทั้งสิ้น 9 ข้อหา จาก 11 ข้อหา ที่ทางตำรวจส่งให้อัยการ ซึ่งจะมี 3 ข้อหาที่อัยการภาค 7 ไม่สั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 ส่วนในข้อหาอื่นๆ นั้นมีทั้งที่สั่งฟ้องผู้ต้องหาทุกคนและบางข้อหาสั่งฟ้องผู้ต้องหาบางคน

ซึ่งในรายละเอียดของโทษที่คาดว่าจะได้รับนั้น เป็นการวิเคราะห์จากการเทียบเคียงฎีกาคดีเก่าๆ ที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้สัตว์ป่า โดยในกรณีของนายเปรมชัยที่ในเบื้องต้นอัยการเตรียมจะสั่งฟ้องจำนวน 6 คดี เมื่อนำไปเทียบเคียงฎีกาคดีเก่าๆ แล้วพบว่า (1) ข้อหาพกพาอาวุธปืนไปในเมืองโดยไม่รับอนุญาต มีโทษจำคุกสูงสุดประมาณ 6 เดือน (2) ความผิดล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่า โทษสูงสุดจำคุก 1 ปี (3) ข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง โทษจำคุกสูงสุด 1 ปี 6 เดือน (4) ครอบครองซากสัตว์ป่า มีโทษสูงสุดจำคุก 1 ปี 6 เดือน ส่วนเรื่อง (5) ซ่อนเร้นซากสัตว์ป่าซึ่งไม่พบฎีกาเทียบเคียงจึงวิเคราะห์ว่ามีโทษสูงสุดไม่เกิน 1 ปี เช่นกับกับ (6) คดีเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนซึ่งยังไม่พบคดีที่ตัดสินแล้วเสร็จ แต่โดยโทษสูงสุดนั้นระบุไว้ถึง 1-10 ปี ก็อาจจะลดลงครึ่งหนึ่งเหลือประมาณ 5 ปี

 

ดูเพิ่มเติม โทษที่คาดว่าจะได้รับ หลังอัยการสั่งฟ้องเปรมชัยและพวกคดีล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ

 

หัวหน้าฝ่ายวิชาการมูลนิธิสืบฯ กล่าวย้ำว่า โทษที่ระบุนี้เป็นการเทียบเคียงจากฎีกาคดีเก่า ไม่อาจฟันธงได้อย่างชัดเจนว่าจะมีโทษรวมทั้งหมดเท่าไหร่ เนื่องจากในทางคดียังถือว่าไม่ได้สั่งฟ้อง ยังอยู่ระหว่างรอความเห็นแย้งจากทางฝ่ายตำรวจซึ่งต้องรอให้อัยการสูงสุดชี้ขาดความเห็นแย้งอีกครั้ง และก็ยังไม่ได้รวมในข้อหาอื่นๆ ที่อัยการยังไม่ได้สรุปออกมาเช่น คดีงาช้าง อาวุธปืน และติดสินบน

หัวหน้าฝ่ายวิชาการมูลนิธิสืบฯ วิเคราะห์ต่อว่า ในขั้นตอนของศาลชั้นต้นน่าอยู่ภายในปีนี้ ถ้าเริ่มกระบวนการฟ้องร้อง หรือพิพากษา เพราะตอนนี้สำนวนอยู่ที่อัยการหมดแล้วก็รอดูจะสั่งฟ้องสั่งไม่ฟ้องตอนไหน เท่าที่ดูจากโทษที่คาดการณ์คดีนี้จะมีอายุความอยู่ประมาณ 15 ปี

ในส่วนของนายศศิน เฉลิมลาภ สรุปเพิ่มเติมว่า มูลนิธิสืบนาคะเสถียรยังคงติดตามอย่างเกาะติด ซึ่งจะไปรู้ว่าสำนวนคดีมีข้ออ่อนที่ทำให้ศาลไม่สิ้นกระแสสงสัยว่าใครทำผิดก็ต้องไปรอฟังที่ศาลชั้นต้น ถึงจะรู้ว่าสำนวนที่ส่งไปแข็งพอที่จะเอาผิดหรือเปล่า ซึ่งเป็นเรื่องต้องตั้งข้อสงสัยไว้ก่อน ถ้าทำผิดก็รับโทษไปตามดุลพินิจของศาล แต่ว่าจะหลุดเลยจากความผิดทั้งหมดสังคมก็คงรับไม่ได้เหมือนกัน

“ผมคิดว่าครบรอบ 3 เดือน ของคดีคุณเปรมชัย เราคงติดตามความคืบหน้ามาแถลง และคงต้องมีกิจกรรม เพราะการกระทำผิดแบบนี้ทางสืบเองก็ไม่ยอมรับการกระทำแบบนี้ คิดว่าสังคมก็จะต้องแสดงออกตลอดการดำเนินคดีตลอดไป”

LIVE : วิเคราะห์ความผิดและโทษ หลังอัยการสั่งฟ้องคดีล่าสัตว์ทุ่งใหญ่

LIVE : วิเคราะห์ความผิดและโทษ หลังอัยการสั่งฟ้องคดีล่าสัตว์ทุ่งใหญ่.ร่วมวิเคราะห์ โดย คุณศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร คุณภาณุเดช เกิดมะลิ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร และคุณอรยุพา สังขะมาน หัวหน้าฝ่ายวิชาการ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร.รายละเอียดเพิ่มเติม https://bit.ly/2GGHvea

Posted by มูลนิธิสืบนาคะเสถียร on Sunday, 8 April 2018

 


เรียบเรียง ฝ่ายสื่อสารองค์กร มูลนิธิสืบนาคะเสถียร