ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาถือเป็นช่วงที่มีความเคลื่อนไหวด้านการดำเนินคดีล่าเสือดำในผืนป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกค่อนข้างมาก โดยเฉพาะความคืบหน้าในด้านการทำสำนวนส่งฟ้องอัยการ
โดยเมื่อวันที่ 13 มีนาคม พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีอาญาของสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ แจ้ง 9 ข้อกล่าวหา มีผู้ต้องหารวม 4 คน คือนายเปรมชัย กรรณสูตร ผู้ต้องหาที่ 1 นายยงค์ โดดเครือ ผู้ต้องหาที่ 2 นางนที เรียมแสน ผู้ต้องหาที่ 3 และนายธานี ทุมมาศ ผู้ต้องหาที่ 4 โดยมีข้อกล่าวหารวม 9 ข้อ ตามคดีหมายเลขดำที่ ฝ.34/2561
สำนักงานอัยการได้ตั้งโต๊ะแถลงถึงคดีนี้ว่า คดีนี้ถือเป็นคดีสำคัญที่สาธารณชนติดตาม เพื่อให้การพิจารณาคดีนี้เป็นไปโดยรอบคอบ รวดเร็ว และโปร่งใส นางสมศรี วัฒนไพศาล อธิบดีอัยการภาค 7 จึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อร่วมกันพิจารณาดำเนินคดี
จากนี้ไป 9 ข้อหาที่ได้ส่งสำนวนไปนั้น (ตามรายงานข่าวแจ้งว่าสำนวนการสอบสวนมีทั้งหมด 857 หน้า) ก็จะอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาของอัยการ ซึ่งทางอัยการระบุว่าจะเร่งรัดการทำสำนวนทุกๆ 7 วัน เพื่อให้มีการสั่งคดีเร็วที่สุด โดยนายสมเจตน์ อำนวยสวัสดิ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 2 ภาค 7 เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ได้รายงานผลเบื้องต้นมาแล้วว่า การตรวจสำนวน มีความคืบหน้าไปอย่างมาก และคาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจน และเมื่อมีความคืบหน้า ก็จะเผยแพร่ความคืบหน้าให้สาธารณะชนรับทราบ ตามที่กำหนดเวลาไว้ 7 วัน คาดว่า จะเป็นในวันที่ 20 มี.ค. นี้ เพราะคดีนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน โดยอัยการภาค 7 ยืนยัน ว่า จะพิจารณาอย่างรอบคอบที่สุด และทำทุกอย่างตามกฎหมาย
…
ต่อมาในวันที่ 14 มีนาคม ได้เรียกนายเปรมชัย เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีก 3 ข้อกล่าวหา ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ประกอบไปด้วย ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครอง ความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และติดสินบนเจ้าพนักงาน
ในวันที่ 14 มีนาคมนั้น นายเปรมชัยได้เดินทางมาพร้อมกับทนาย แต่ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด จากนั้นเจ้าหน้าที่ ปทส.นำตัวนายเปรมชัย ไปขออำนาจศาลอาญา ฝากขังในข้อหาร่วมกันครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ซึ่งมีโทษสูงสุด 10 ปี ปรับ 4 เท่าไม่รวมภาษีอากร (เป็นบทที่หนักที่สุด) แต่ทนายนายเปรมชัยได้ขอประกันตัว โดยศาลอนุญาตให้ประกันตัวด้วยหลักทรัพย์เงินสด 300,000 บาท โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 14 มีนาคม นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก ได้ให้ปากคำเพิ่มเติม ต่อกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ซึ่งได้สรุปผลออกมาว่า ออกหมายเรียกเพื่อทำการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มอีก 1 คนคือ นายยงค์ โดดเครือ คนขับรถของนายเปรมชัย และเพิ่มข้อหากับนายเปรมชัยอีก 1 ข้อหาเช่นกัน ในข้อหา “ร่วมกันติดสินบนเจ้าพนักงาน” กำหนดให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 19 มีนาคมนี้
…
ด้าน บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งปิดปากเงียบมาโดยตลอดนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 16 มีนาคม ศ.ดร.มิ่งสรรพ์ ขาวสอาด ได้ขอลาออกจากกรรมการอิสระ และกรรมการตรวจสอบ ของบริษัท อิตาเลียนไทย โดยได้แจ้งเหตุผลชัดเจนเพราะนายเปรมชัยถูกจับกุมในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก พร้อมซากสัตว์ป่าและอาวุธปืน
…
ด้าน กองนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้แจ้งความคืบหน้าเรื่องการตรวจสอบดีเอ็นเอเพิ่มเติม ในกรณีไก่ฟ้าหลังเทา ที่ก่อนหน้านี้แจ้งว่าเป็นไก่ฟ้าหลังขาว แต่ผลปรากฎในท้ายที่สุด ยืนยันว่าเป็นไก่ฟ้าหลังเทา ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองภายใต้พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ตามที่เป็นข่าวในช่วงต้นของการจับกุม
นอกจากนี้ ยังได้ผลตรวจดีเอ็นเอ คราบเลือดบนดิน และคราบเลือดบนใบไม้ สรุปว่าเป็นเสือดำตัวเดียวกันกับชิ้นเนื้อ และอวัยวะอื่นๆ ที่ตรวจสอบไปแล้วก่อนหน้านี้ และจะส่งรายละเอียดทั้งหมดนี้ให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในวันที่ 19 มีนาคม
…
สำหรับความเคลื่อนไหวของมูลนิธิสืบนาคะเสถียร หลังทราบว่าได้มีการทำสำนวนเสร็จและส่งอัยการเป็นที่เรียบร้อย จึงได้ออกแถลงการณ์เพิ่มเติม พร้อมเดินทางไปเข้าพบผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่เนื่องจากผบ.ตร.ไม่สามารถมาพบได้ จึงได้เข้าพบกับพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ในวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา
นอกจากมอบแถลงการให้พล.ต.อ.ศรีวราห์ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้มีโอกาสซักถามถึงประเด็นข้อสงสัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับรูปคดีเพื่อทวงถามความมั่นใจต่อการดำเนินคดีแก่ผู้ที่เข้าไปล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งได้รับคำตอบจากพล.ต.อ.ศรีวราห์ ว่า มั่นใจพยานหลักฐานและการบรรยายฟ้องมีน้ำหนักเพียงพอในการเอาผิดคดีล่าสัตว์ป่า และย้ำในการพูดคุยครั้งนี้ว่าเสือดำต้องไม่ตายฟรี
ในวันเดียวกัน ตัวแทนเครือข่ายอนุรักษ์ นำรายชื่อประชาชนจำนวน 142,189 รายชื่อจากแคมเปญรณรงค์ใน change.org เพื่อเรียกร้องให้ดำเนินคดีกับผู้ล่าสัตว์ในเขตอุทยานให้โปร่งใสเป็นธรรม มอบให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ เป็นที่เรียบร้อย ตลอดจนกลุ่มนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้มอบหนังสือเรื่องทบทวนภาคทัณฑ์แก่เจ้าหน้าที่สอบสวนที่รับร้องทุกข์ต่อข้อกล่าวหาทารุณกรรมสัตว์ด้วยเช่นกัน
สำหรับกิจกรรมต่อไปของมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ในเร็วๆ นี้ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร จะจัดเวทีเสวนาวิเคราะห์เนื้อหาการดำเนินคดีขึ้นอีกครั้ง โดยจะแจ้งวันเวลาให้ทราบต่อไป