จากเขื่อนแม่น้ำโขงถึงเขื่อนพูงอย กับปัญหาของคนอุบลฯ

จากเขื่อนแม่น้ำโขงถึงเขื่อนพูงอย กับปัญหาของคนอุบลฯ

“ถ้ามีเขื่อนพูงอยปัญหาน้ำท่วมจะหนักกว่าเดิมแน่”

เสียงของ สดใส สร่างโศก จากเครือข่ายประชาชนจับตาน้ำท่วมอุบล-เขื่อนแม่น้ำโขง บอกเล่าถึงความกังวล หากว่าในอนาคตจะมีเขื่อนกั้นขวางลำน้ำโขงเกิดขึ้นอีกแห่ง

โดยเฉพาะกับโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนพูงอย กำลังผลิต 728 เมกะวัตต์ ถือเป็นเขื่อขนาดใหญ่ (ใหญ่กว่าเขื่อนปากมูล 5 เท่า) ความจุอ่างเก็บน้ำ 1,207,000,000 ลูกบาศก์เมตร กำหนดสร้างบนลำน้ำโขงสายหลักในสายหลักในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 

พิกัดอยู่ห่างจากเมืองปากเซ แขวงจำปาสัก 19 กิโลเมตร และห่างจากจุดบรรจบแม่น้ำมูลและแม่น้ำโขงที่อำเภอโขงเจียว จังหวัดอุบลราชธานี ประมาณ 60 กิโลเมตร 

ในเวทีสัมมนาถอดบทเรียนผลกระทบจากเขื่อน และการต่อสู้ของคนค้านเขื่อน (วันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา) เรื่องราวผลกระทบและความกังวลใจถึงเขื่อนใหม่ในอนาคตได้ถูกหยิบมาย้ำอีกครั้ง 

สดใส บรรยายว่า จังหวัดอุบลราชธานีเป็นจุดรวมของน้ำมูลและน้ำชีก่อนจะระบายลงแม่น้ำโขง เป็นพื้นที่เกิดอุทกภัยในฤดูน้ำหลากประจำทุกปี ที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนปากมูลมาแล้ว และจนถึงวันนี้ปัญหาน้ำท่วมจากการเปิดปิดเขื่อนยังมีอยู่ เมื่อบวกกับประเทศจีนได้สร้างเขื่อนปิดกันลำน้ำไว้ที่แม่น้ำโขงตอนบน ปัญหาที่เผชิญจึงมีทั้งเรื่องน้ำท่วมและน้ำแล้งแบบผิดธรรมชาติ

“ในฤดูแล้งบางปีมีน้ำท่วม แต่ในฤดูน้ำหลากบางปีกลับไม่มีน้ำใช้” เธอกล่าว

จากข้อมูลประกอบการบรรยายระบุว่า เขื่อนในจีนและลาวมีผลทำให้ระดับแม่น้ำโขงในช่วงฤดูฝนมีค่าเฉลี่ยลดต่ำลงกว่าในอดีต แต่อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ได้จากสถานีวัดน้ำโขงเจียม พบว่า ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา น้ำโขงในช่วงฤดูฝนมีระดับสูงสุดเฉลี่ย 101.48 ม.รทก. 

มิหนำซ้ำยังไม่มีปีใดที่ระดับน้ำโขงในฤดูฝนจะต่ำกว่า 98 ม.รทก. (เท่ากับระดับกักเก็บน้ำของเขื่อนพูงอย) และบางปีระดับน้ำยังสูงกว่าระดับเตือนภัย

สดใส ได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อ พ.ศ. 2562 โดยปีดังกล่าวระดับน้ำโขงขึ้นสูงสุดที่ระดับ 104.75 ม.รทก. ทำให้การระบายน้ำจากแม่น้ำมูลลงสู่แม่น้ำโขงเป็นไปด้วยความล่าช้า เหตุการณ์น้ำท่วมปีนั้นจึงกินเวลายาวนานกว่าปกติ

ส่วนเหตุการณ์ในปี พ.ศ. 2565 ถือว่าโชคดีที่ระดับน้ำโขงไม่สูงมาก ระยะเวลาท่วมจึงไม่นานเท่าปี 2562 แต่ก็นับเป็นเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ไม่ต่างกัน

แต่หากมีการสร้างเขื่อนพูงอยเกิดขึ้น เธอบอกว่า เขื่อนพูงอยจะซ้ำเติมปัญหาเก่า – “ถ้ามีเขื่อนพูงอยปัญหาน้ำท่วมจะหนักกว่าเดิมแน่”

ตามข้อมูลการศึกษาชลศาสตร์มีการออกแบบเขื่อนพูงอยที่ระดับปฏิบัติการ 98 เมตร มีผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงจากจุดก่อสร้างจะเพิ่มสูงขึ้น 4 เมตร เป็นระยะทาง 80 กิโลเมตร 

นั่นหมายความว่าระดับน้ำจะท่วมจนถึงอำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี โดยเฉพาะบริเวณปากแม่น้ำมูลที่บรรจบกับแม่น้ำโขง

อีกประเด็นถึงที่ถูกกล่าวถึง คือ ความเสียหายทางระบบนิเวศ ปลาอพยพหลายชนิดจะถูกเขื่อนขวางทางไว้ 

สดใส ชี้ว่าเขื่อนพูงอยไม่ต่างอะไรกับเขื่อนปากมูลที่ถูกขายว่าเป็นเขื่อนผลิตไฟฟ้าแล้วจะไม่มีปัญหา (มีบันไดปลาโจน) แต่ในความเป็นจริงมีการศึกษาชี้ชัดว่าเขื่อนปากมูลทำให้ชนิดของปลาลดลงเป็นจำนวนมาก จากที่เคยมีมากกว่า 200 ชนิด ตอนนี้เหลืออยู่ไม่ถึง 100 ชนิด 

“เราต้องเข้าใจว่าปลาหลายชนิดมาจากกัมพูชาและหลี่ผี ถ้ามีเขื่อนพูงอยขึ้นที่จำปาสัก การอพยพของปลาจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน”

และเมื่อปลาลดลง วิถีชีวิตการทำประมง รายได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้องย่อมลดลงตาม

ในเวทีสัมมนาถอดบทเรียนผลกระทบจากเขื่อนฯ ได้วิพากษ์ถึงโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนพูงอยว่า ไม่ได้กระทบแค่เพียงคนอุบลราชธานีเพียงเท่านั้น แต่รวมถึงต้นทุนค่าไฟในประเทศที่อาจสูงขึ้นจากการซื้อไฟฟ้าจากเขื่อน

“เวลาคัดค้านเขื่อนบนแม่น้ำโขงมักมีคำพูดย้อนกลับมาว่า เขื่อนสร้างที่ลาวคัดค้านไม่ได้ แต่ถ้าเราลองย้อนกลับไปที่ต้นตอของเขื่อนในแม่น้ำโขง มันมาจากแผน PDP (แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย) ที่ประชาชนทุกคนต้องมีส่วนร่วม” สดใสกล่าว และย้ำอย่างหนักแน่นต่อว่า 

“รัฐบาลกำหนดว่าจะซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศประมาณ 700 เมกะวัตต์ ในขณะที่ประเทศไทยมีไฟฟ้าล้น ถามว่าสถานการณ์ตอนนี้เรารู้ว่าต้องจ่ายค่าไฟแพง เพราะมีไฟฟ้าล้นเกิน แล้วยังมีแผนสร้างเขื่อนพูงอย เขื่อนบ้านกุ่ม เขื่อนสานะคาม เราต้องส่งเสียงให้รัฐบาลรู้ว่า เรามีไฟฟ้าเหลือ สิ่งที่รัฐบาลต้องทำ ไม่ใช่การสร้างเขื่อนใหม่”

ข้อห่วงกังวลผลกระทบจากเขื่อนพูงอย โดย เครือข่ายประชาชนจับตาน้ำท่วมอุบล-เขื่อนแม่น้ำโขง

1. ทำให้เกิดภาวะน้ำล้นตลิ่งท่วมพื้นที่สำคัญ เช่น อุทยานแห่งชาติแห่งตะนะ และเขตพระราชฐานเรือนสุขนที รวมทั้งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพการไหล การสะสมของตะกอน รวมถึงกระทบโดยตรงต่อการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าและการระบายน้ำของเขื่อนปากมูล ตลอดจนจะส่งผลกระทบต่อการบริการจัดการอุทกภัย โดยทำให้ จ.อุบลราชธานี กลายเป็นพื้นที่ที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมรุนแรง และภาวะน้ำท่วมที่กินเวลายาวนานกว่าที่ผ่านมา ซึ่งจะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงและมิอาจประเมินได้ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม 

2. กระทบต่อความมั่นคงทางอาหารและประชาชนในท้องถิ่น โดยเฉพาะการทำลายปลาซึ่งเป็นแหล่งอาหารโปรตีนและแหล่งรายได้สำคัญของคนลุ่มน้ำโขง เนื่องจากตัวเขื่อนจะขวางเส้นทางอพยพของพันธุ์ปลาแม่น้ำโขงส่วนใหญ่อย่างถาวร และการมีทางปลาผ่านซึ่งเป็นมาตรการแก้ไขผลกระทบในด้านนี้ของโครงการเขื่อนที่ผ่านมายังเป็นที่สงสัยถึงประสิทธิภาพที่แท้จริง

3. ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงลำน้ำและร่องน้ำลึกของแม่น้ำโขง โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นเส้นพรมแดนไทย-ลาว ซึ่งยังไม่มีความตกลงหรือปักปันเขตแดนที่ชัดเจน ความไม่ชัดเจนและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังกล่าวจะกระทบต่อความมั่นคงของรัฐไทย อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมจองโครงการไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้แต่อย่างใด 

4. พลังงานไฟฟ้าที่จะได้จากเขื่อนพูงอย ซึ่งกำลังถูกบรรจุไว้ในแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567 – 2580 ไม่อาจถือได้ว่าเป็นพลังงานสะอาดที่แท้จริง เนื่องจากเกิดผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อประชาชนในพื้นที่จำนวนหลายร้อยครัวเรือน และอีกจำนวนมากต้องกลายเป็นผู้สูญเสียที่ดินทำกิน ขณะเดียวกันพลังงานไฟฟ้าที่ได้และกำลังถูกนับรวมในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยดังกล่าวนี้ อาจเป็นส่วนของการเอื้อประโยน์แก่บริษัทเอกชนในแง่ของการสร้างหลักประกันด้านรายได้และกำไร หรือไม่ 

  • ข้อห่วงกังวลผลกระทบจากเขื่อนพูงอย คัดลอกจาก หนังสือเรื่อง ขอให้ตรวจสอบการดำเนินงานโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนพูงอย (Phou Ngoy) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ถึงคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2567 
  • ภาพเปิดเรื่อง facebook เครือข่ายประชาชนจับตาน้ำท่วมอุบล-เขื่อนแม่น้ำโขง

ผู้เขียน

Website | + posts

ทำงานอิสระที่เกี่ยวข้องกับหนังสือ การเขียน เรื่องสิ่งแวดล้อมและดนตรีนอกกระแส - เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตใช้ไปกับการนั่งมองความเคลื่อนไหวของใบไม้และสายลม