ดอกไม้ผลิบาน ไม่ได้เป็นแค่สัญลักษณ์ของความสวยงาม แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะจากวิกฤตโลกเดือด

ดอกไม้ผลิบาน ไม่ได้เป็นแค่สัญลักษณ์ของความสวยงาม แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะจากวิกฤตโลกเดือด

ดอกไม้สัญลักษณ์ความงดงามของธรรมชาติ เวลาเราเดินผ่านตามสถานที่ทางธรรมชาติต่าง ๆ แล้วได้เห็นดอกไม้เริ่มผลิบาน เราก็คงจะบอกว่าพื้นที่บริเวณนี้มีความอุดมสมบูรณ์และยังบ่งบอกถึงความหลากหลายทางระบบนิเวศ 

ทว่าในบางพื้นที่ที่ไม่ควรมีดอกไม้ขึ้น กลับมีดอกไม้เริ่มเติบโตขึ้นมา นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงภัยพิบัติและหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นกับโลกของเราในอนาคตอันใกล้นี้

เมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมา หากหลายคนได้ติดตามข่าวสิ่งแวดล้อมโลกกันมาบ้าง คงจะได้เห็นข่าวดอกไม้ที่ทวีปแอนตาร์กติกาเริ่มออกดอกผลิบานกันแล้ว คงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่หากดอกไม้เหล่านี้ไปขึ้นอยู่ที่อื่นที่ไม่ใช่แอนตาร์กติกา เนื่องจากดอกไม้เหล่านี้ดันเบ่งบานท่ามกลางโขดหินที่เคยถูกปกคลุมไปด้วยหิมะมาก่อน 

ดอกไม้ที่ผลิบานท่ามกลางหิมะขาวโพลน

ทวีปแอนตาร์กติกาเป็นพื้นที่บริเวณขั้วโลกใต้ ที่มีสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของพืชและการอยู่อาศัยของสัตว์เป็นที่สุด เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีอุณหภูมิที่ต่ำและลมแรง โดยในช่วงฤดูหนาวทวีปดังกล่าวมีอุณหภูมิต่ำสุดถึง -60 องศาเซลเซียส หรืออาจจะต่ำกว่านั้น จึงไม่แปลกหากจะไม่มีพืชชนิดใดเติบโตขึ้นมาได้ 

อย่างไรก็ดี พืชบางชนิดก็สามารถเติบโตได้ในพื้นที่สีขาวแห่งนี้ได้เช่นกัน แต่ก็มีเพียงแค่สองชนิดเท่านั้น คือ หญ้าขนแอนตาร์กติก (Deschampsia Antarctica) และ เพิร์ลเวิร์ต (Antarctic Pearlwort) ซึ่งก็ไม่ได้ขึ้นท่ามกลางพื้นที่หิมะแต่อย่างใด แต่จะเติบโตจำกัดอยู่เพียงเกาะเซาท์ออร์กนีย์ หมู่เกาะเชตแลนด์ใต้ และคาบสมุทรแอนตาร์กติกตะวันตกเท่านั้น ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยว่าพืชชนิดอื่น ๆ จะเติบโตได้ในสภาพอากาศแบบแอนตาร์กติกา 

แต่ความน่ากลัวที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์หลายคนเริ่มกังวลกันคือ การที่ดอกไม้ดังกล่าวดันไปเบ่งบานอยู่ในพื้นที่ที่มันไม่ควรจะเติบโตได้ ซึ่งมันชี้ให้เห็นแล้วว่าระบบนิเวศของโลกเรากำลังจะเปลี่ยนไป และน้ำแข็งทั่วโลกกำลังเริ่มละลายอย่างรวดเร็ว 

ถึงแม้จะมีปัจจัยยิบย่อยอีกมากมายที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของพืช แต่การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกคือปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เราไม่เคยพบเจอเกิดขึ้นมา โดยนักวิทยาศาสตร์พบว่าขณะนี้พืชที่ว่ากำลังทยอยเติบโตอย่างรวดเร็วและหนาแน่นมากขึ้น 

นอกจากนี้ สภาพอากาศที่ร้อนขึ้นอาจนำไปสู่การรุกรานของพื้นต่างถิ่น โดยพวกมันอาจขับไล่พืชประจำถิ่นออกไป โดยสิ่งนี้อาจส่งผลกระทบในวงกว้างและค่อย ๆ ส่งผลกระทบต่อความสมดุลของสภาพแวดล้อมในทวีปแอนตาร์กติกา 

ไม่ใช่แค่แอนตาร์กติกาที่เป็นสัญญาณเตือนถึงความเปลี่ยนแปลง

ผลการศึกษาจากข้อมูลดาวเทียมความละเอียดสูง ตรวจพบผลกระทบจากภาวะโลกร้อนบนเทือกเขาแอลป์ กล่าวคือภูเขาที่ควรจะเป็นสีขาวของเทือกเขาแอลป์นั้น กลับเริ่มมีพืชสีเขียวโตขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ซึ่งมันสามารถมองเห็นความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้จากอวกาศเลยทีเดียว

พืชสีเขียวเริ่มขึ้นพื้นที่สีขาวมากถึง 77 เปอร์เซ็นต์ นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1984 โดยจากงานศึกษาได้ระบุเอาไว้ว่า ธารน้ำแข็งที่กำลังละลายอย่างรวดเร็วนั้นเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงอุณหภูมิโลกที่ค่อย ๆ สูงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ยังย้ำเพิ่มเติมอีกว่า การมีพื้นที่สีเขียวขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องดีแต่อย่างใด ทว่ามันกลับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าจับตามองอย่างยิ่งมากกว่า 

“ขนาดของการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่เทือกเขาแอลป์นั้นเป็นเรื่องที่ใหญ่โตมากจนไม่สามารถละเลยได้” ศาสตราจารย์ ซาบีน รัมปฟ์ จากมหาวิทยาลัยบาเซิลและผู้เขียนรายงานตีพิมพ์ผ่านวารสาร Science กล่าว 

แม้ว่าการมีพื้นที่สีเขียวจะทำให้โลกมีการกักเก็บคาร์บอนมากขึ้น แต่มันก็ได้ไม่คุ้มเสียกับสิ่งที่โลกต้องเสียไป 

สิ่งที่เราสูญเสียไปแน่นอนหากน้ำแข็งจากเทือกเขาแอลป์ละลาย เช่น การละลายของชั้นดินเยือกแข็งแบบถาวร (pemafrost) หิมะที่สะท้อนแสงแดดน้อยลง ตลอดจนการสูญเสียถิ่นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตบางชนิด

รัมปฟ์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า พืชจำนวนมากที่เติบโตอยู่ ณ ขณะนี้ เป็นภัยคุกคามต่อพืชเฉพาะถิ่นอย่างมาก ซึ่งพืชที่กำลังเติบโตนั้นมีภูมิคุ้มกันและการปรับตัวต่อการเจริญเติบโตในพื้นที่สูงกว่าพืชเฉพาะถิ่น ด้วยเหตุนี้เองมันอาจจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อปัญหาด้านความหลากหลายทางชีวภาพของเทือกเขาแอลป์ได้

แม้ว่าข้อมูลดาวเทียมจะตรวจไม่พบการเปลี่ยนแปลงในเชิงลึกของหิมะ แต่การตรวจวัดภาคพื้นดินก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าพื้นที่ดังกล่าวกำลังเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อยู่

ยิ่งอุณหภูมิโลกเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ก็ยิ่งนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงต่อโลกของเรามากขึ้น วันนี้น้ำแข็งขั้วโลกเริ่มละลายแล้ว นี่จึงเป็นสัญญาณเตือนสำคัญที่กำลังบอกเราว่าโลกกำลังเปลี่ยนไปแบบไม่มีวันย้อนกลับมา

อ้างอิง

ภาพประกอบ

ผู้เขียน

+ posts

หนุ่มน้อยผู้หลงรักความไม่สมบูรณ์แบบ ออกเดินทางเพื่อเก็บภาพความงดงามของธรรมชาติ และชอบอ่านวรรณกรรมเป็นชีวิตจิตใจ