เช้าตรู่วันที่ห้าของการเดินทางไกล เรานั่งรถย้อนมาเดินเก็บระยะทางจากตำแหน่งที่เราหยุดเมื่อวานนี้ แนวเขาพระชนกจักกรีมีบรรยากาศสวยงามเหมือนภาพฝันในเส้นทางที่เราย้อนไปเก็บระยะที่เราเดินค้างอยู่
มีผู้ร่วมขบวนส่วนหนึ่งร่ำลาว่าจะกลับบ้านตั้งแต่เมื่อคืน ส่วนหนึ่งรอนอนพักผ่อนรอเรามาสมทบตอนที่เรากินข้าวเช้า ขบวนของเราเดินกลางฝนปรอยสะท้อนแสงเงินแสงทองยามเช้าบนเส้นทาง เราจะต้องเดินเก็บระยะเมื่อวันวานสิบกิโลเมตรใช้เวลาสองชั่วโมงกว่าๆ รวมช่วงพักกาแฟยามเช้าที่ผมชอบที่สุด
ในการเดินมาหลายวันผมพบว่าจุดแวะพักแรกที่ทีมงานจัดเตรียมกาแฟร้อนกรุ่นในยามเช้า เป็นความสุขที่ผมรอคอยหลังจากฝ่าฝนมาชั่วโมงกว่า ทีมงานสำรวจทางเรียกเราข้ามถนนเข้าไปในแขวงกรมทางที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมีท่าทีงงๆ กับขบวนเดินของเรา แต่ก็ต้อนรับเชื้อเชิญนั่งที่ลานจอดรถที่ยังว่าง
ผมจำบรรยากาศดื่มกาแฟยามเช้าที่นี้ได้ดีที่สุด เป็นบรรยากาศที่เพื่อนมิตรจำนวนไม่มากนักได้นั่งสนทนาทบทวนเรื่องราวสามสี่วันที่ผ่านมาด้วยกัน หลังจากที่เจ้านาจทีมงานของเราเปิดเตาแก๊สปิกนิกต้มน้ำจากกามาเทให้ทุกคนเพื่อละลายผงกาแฟซองสำเร็จรูปธรรมดาๆ
แต่มันเป็นกาแฟถ้วยหนึ่งที่อร่อยที่สุดในชีวิต ผมจำได้ว่าอ้อยสร้อยอยู่ที่นั้นนานกว่าปกติ เหมือนจะรู้ว่าบรรยากาศสบายๆ อย่างนี้จะไม่มีอีกแล้ว
พอเดินเข้าตลาดอุทัยธานี ผมพบคณะหลายคณะดักรอพวกเราเดิน ที่จำได้ชัดๆ ก็มีทีมหนุ่มหล่อสามสี่คนในชื่อทีมที่สะดุดหูว่า ‘คนแบกเหล้า’ มารอสมทบ
ขบวนของเราเดินตัดผ่านชุมชนของจังหวัดเป็นครั้งแรกที่เมืองอุทัยธานี ข่าวดีที่มาพร้อมกับกับสายตาคนเมืองคือทีวีช่องใหญ่ออกข่าวเล่าเช้า ‘ยี่สิบวินาที’
เมื่อเรากลับไปถึงบ้านพี่วิไลวรรณอีกครั้งหนึ่ง ขบวนเดินที่ไม่ได้ไปเก็บระยะกับเราก็พร้อมแล้วผู้คนมากหน้าหลายตามาสมทบในวันเสาร์แรก
ปัญหาใหญ่ของผมคือ วันนี้ทีมงานหลักของมูลนิธิสืบฯ หลายคนติดงานในช่วงเช้า แต่ยังดีที่มีพี่กิ้นที่เมื่อวานหายไปวันหนึ่งวันนี้กลับมาเป็นผู้นำเดินให้เรา เช่นเดียวกับนริศที่หายไปเมื่อวานนี้ก็กลับมาวิ่งเคลียร์เส้นทางอยู่ข้างหน้า
เรายังหาที่พักที่ชัยนาทไม่ได้ เป้าหมายคืออยากจะเดินให้ถึงหางน้ำสาครที่เป็นแยกถนนระหว่างอำเภอจากอุทัยตรงไปสายเอเชีย นั่นหมายความว่าเส้นทางของการเดินวันนี้ จะเป็นการเดินถนนสายเล็กที่ร่มรื่นเป็นวันสุดท้าย นับจากพรุ่งนี้เป็นต้นไปเราจึงจะเข้าสู่ถนนสายใหญ่สายเอเชียจากชัยนาทเข้ากรุงเทพฯ
ผมทำธุระส่วนตัวและโพสต์เฟซบุ๊กที่ยังคั่งค้าง ขบวนเดินใหญ่เริ่มออกไปแล้วผมเดินตามออกไป และได้เห็นภาพที่น่าตกใจ
ขบวนแถวเรียงหนึ่งยาวสุดสายตากำลังเดินมุ่งหน้าไปวัดท่าซุง โดยผมก็ไม่รู้ว่าองค์ประกอบของผู้คนที่ต่างเดินทางมาสมทบกันระหว่างเวลาที่เราเดินย้อนไปเก็บระยะเมื่อเช้าเป็นใครกันบ้าง และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันนี้ใครรับหน้าที่เดินนำขบวน
ผมเช็คสภาพเรี่ยวแรงและอาการบาดเจ็บของร่างกาย จากการเดินกว่าร้อยกิโลเมตรที่ผ่านมา พบว่าวันนี้เป็นวันที่ผมแข็งแรงที่สุด นอกจากเริ่มมีแผลเล็กๆ ที่ฝ่าเท้านิดหน่อย และเมื่อเช็คร่างกายเรียบร้อย ผมรู้ตัวว่าต้องเริ่มทำหน้าที่อีกหน้าที่หนึ่งที่ไม่ต้องทำในการเดินคนน้อยๆ ที่ผ่านมา
ผมค่อยๆ เร่งสปีดฝีเท้าแซงขึ้นไปทักทายคนในขบวนทีละกลุ่มๆ บางคนก็ไม่รู้จัก แต่บางคณะก็ถึงขั้นจับมือสวมกอดด้วยความยินดีที่เจอกัน
ทีมนักวิชาการจากห้วยขาแข้งมาสมทบกับเราตั้งแต่เมื่อคืน ฟิ้น ผู้ช่วยหัวหน้าเขตพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง นักวนศาสตร์หนุ่มไฟแรงเป็นข้าราชการคนแรกที่เปิดหน้ามาเดินกับเรา แถมยังอาสาแบกรายงาน EHIA ไปด้วย
ถ้าผมนับขบวนทั้งหมดไม่ผิด ขบวนของเรามีถึงร้อยกว่าคนในจังหวะแถวเรียงหนึ่งเข้าทางโค้ง หลายคณะเตรียมธงรณรงค์และป้ายผ้ามาถือ ทำให้ขบวนเดินของเราเปลี่ยนสภาพขบวนคนบ้าเดินตากแดดดูเป็นขบวนประท้วงเป็นเรื่องเป็นราว
‘ป้อง’ สุพัฒน์ เจริญสรรพพืช เพื่อนร่วมภาควิชาธรณีวิทยาจุฬาฯ ของผม ขับรถจากบ้านที่เมืองจันทบุรีเมื่อเช้ามืด และมาหาผมเจอตอนสายๆ วานทีมงานผมให้ขับรถไปจอดล่วงหน้า ส่วนตัวเองก็ได้หาเสื้อยืดสีขาวใส่เพื่อร่วมเดิน แต่โชคร้ายที่วันนั้นเสื้อเราขายหมด ยังต้องรอสั่งเอามาจากกรุงเทพฯใหม่ ทำให้ป้องต้องเอาเสื้อที่ผมใส่แล้ว ยังซักไม่แห้งดีใส่ไปก่อน
‘แร่’ อดีตลูกน้องเก่าแก่สมัยทำงานที่มูลนิธิสืบฯ ช่วงแรกก็โบกมือ ยิ้มหวาน และวิ่งลงมากอด จากนั้นก็ไม่รู้ว่าใครต่อใครมาทักทายเต็มไปหมด
นอกจากป้องแล้ว ผมไม่รู้เลยว่าคนที่มาเดินจัดการตัวเองเรื่องรถราอย่างไร ให้ใครขับไปไว้ที่ไหน ทุกคณะที่มาล้วนประสานงานกับ ‘บัว’ ผู้จัดการการเดินทางของเรา ที่ผมเริ่มแจกเบอร์โทรศัพท์ของเธอผ่านเฟซบุ๊กเมื่อสองสามวันก่อน
นั่นทำให้เธอเป็นคนที่น่าสงสารที่สุดในการเดินทาง รับโทรศัพท์ชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ให้กับผู้คนไม่มีหยุดหย่อน แล้วยังต้องประสานการเปลี่ยนแปลงกำหนดการจากทีมงานเคลียร์ทางข้างหน้าตลอดเวลา ก่อนที่จะกรองเฉพาะเรื่องที่สำคัญๆ มาแจ้งให้ผมเตรียมตัว ในวันนี้ผมสังเกตว่ากลุ่มอนุรักษ์และนักสื่อสารมืออาชีพ ที่เห็นกลุ่มหลักๆ ได้แก่ กลุ่ม OK Nature จากเครือสื่อเนชั่น และทีมนักธุรกิจเพื่อสังคม หรือ SVN
เมื่อดูจากคนที่มาในวันนี้ผมคาดเดาได้ว่า วันนี้การสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียจะไม่ได้มาจากผมที่เป็นหลักอีกต่อไปแล้ว
ร่วมรักษาป่าใหญ่และสิ่งแวดล้อมกับมูลนิธิสืบนาคะเสถียร