ที่ร้านอาหารสี่แยกสว่างอารมณ์ ผู้ร่วมเดินทางไกลผ่านแดดร้อนยี่สิบสองกิโลเมตรเฉพาะในช่วงเช้ากินข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อยเอาเป็นเอาตาย เราเลยเวลาเที่ยงมาเกือบชั่วโมง กลางมวลอากาศร้อนที่หุ้มอยู่รอบๆ ร้านอาหารที่เรานั่ง เราจะพักหลบมันไปจนใกล้เย็น จึงค่อยออกไปเดิน
เหตุผลไม่ใช่เพราะเรื่องความร้อนอย่างเดียว แต่เนื่องมาจากคืนนี้ ทีมงานที่สำรวจหาที่พักยังหาวัดหรือโรงเรียนที่ยอมให้เราไปพักไม่ได้ เพราะได้ข่าวมาว่ามีการปล่อยข่าวต่อๆ กันว่าขบวนเดินของเราเป็นพวกมาปลุกระดม ดีที่โรงเรียนฝั่งตรงข้ามร้านที่เรานั่งอยู่มีอาคารห้องประชุมใหญ่สีชมพูสวย อนุญาตให้พวกเราไปพักชั่วคราวได้
บ่ายวันนั้นหลังอาหารผมสบายใจอย่างยิ่งที่อาจารย์ณรงค์มาอำลาและบอกว่าขอไปทำธุระที่บ้าน โดยที่แกไม่บอกเหตุผลที่แท้จริงว่าอาการที่แกเป็นที่ฝ่าเท้า เป็นศัพท์ที่เราเรียกกันในขบวนว่า ‘ยางแตก’
อดีตครู และนักเลงเก่าย่านแม่วงก์ลาดยาวผู้นี้คงทนเจ็บมาหลายชั่วโมงกัดฟันเดินข้ามจังหวัดนครสรรค์ถิ่นของแก ข้ามมาถึงอำเภอแรกของจังหวัดอุทัยธานีตามสัญญา
อาจารย์บอกผมว่า “เจอกันที่กรุงเทพฯ”
ที่ศาลาอาคารห้องประชุมสีชมพูของโรงเรียนอนุบาลสว่างอารมณ์ไม่มีเสียงพูดคุยใดๆ เกือบทุกคนนอนเหยียดไปกับพื้น ส่วนใหญ่จะหลับเพื่อชาร์จพลังงานพร้อมๆ กับเต้าเสียบไฟทุกเต้าก็ทำหน้าที่ชาร์ตเครื่องมือสื่อสารของแต่ละคน
ช่วงหลังๆ นี้ ขณะที่คนอื่นพักผ่อนและยังไม่มีสื่อมวลชนมาสัมภาษณ์ผมจะใช้เวลานี้เลือกภาพถ่ายและโพสต์เฟซบุ๊กยาวๆ เขียนข้อมูลวิชาการต่างๆ เพื่อสื่อสารกับผู้คน ผมนึกขึ้นได้ว่าขณะที่ผมสื่อสารกับคนภายนอกไปทั่วโลกบนโซเชียลมีเดีย แต่บางทีผมก็ละเลยการสื่อสารกับคนในขบวนที่มาร่วมเดินมากหน้าหลายตา และตั้งแต่นับเริ่มออกเดิน ดังนั้นตั้งใจว่าในตอนเย็นของค่ำคืนนี้ แม้จะเหนื่อยอย่างไร ก็จะหาโอกาสตั้งวงคุยกันถึงข้อมูลวิชาการผลกระทบของเขื่อนแม่วงก์ให้ได้
ระหว่างนั่งรอเวลาที่จะออกเดินในช่วงบ่าย มีโอกาสนั่งคุยกับเก๋ หนุ่มชาวไร่จังหวัดอุทัยธานี เก๋เคยเป็นอาสาสมัครช่วยเราทำงานจัดตั้งป่าชุมชนที่ขอบป่าห้วยขาแข้งใกล้บ้านของเขาหลายป่า เพราะงบประมาณโครงการหมดก็ไม่ได้ทำงานด้วยกันหลายปี วันนี้พอทราบข่าวก็ขับรถปิกอัพมาพร้อมมะพร้าวอ่อนเต็มหลังรถนั่งปอกให้พวกเราดื่มตลอดที่หยุดพักเป็นที่ชื่นใจของคนที่ร่วมขบวนอย่างสุดๆ
แน่นอนว่ากำลังใจที่มากกว่าน้ำมะพร้าวอ่อนที่หวานเย็นนั้นก็คือน้ำใจของผู้ร่วมงานที่มาให้กำลังใจไม่ทอดทิ้งกัน
บ่ายสามโมงกว่าแดดลดทอนความร้อนลงไปบ้างเราตัดสินใจเริ่มออกเดินทาง ทั้งๆ ที่รู้ว่ายังไม่มีจุดหมายที่พักที่แน่นอน คณะสำรวจเล่าให้ฟังว่า บางวัดรับปากแล้วแต่ก็เปลี่ยนใจหลังจากรับโทรศัพท์จากทางการ สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลทางการเมืองที่ยังคลุมครอบสั่งการให้ข้าราชการฝ่ายปกครองต้องใช้อำนาจอิทธิพลต่อประชาชนได้อยู่นับแต่นานมาแล้วจนถึงปัจจุบัน
ผมกางแผนที่แผ่นใหญ่ นัดหมายกับเอก เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของมูลนิธิว่าขอให้ถ่ายวีดีโอขณะที่ผมอธิบายเส้นทางที่เราเดินผ่าน พื้นที่ที่ถูกอ้างว่าจะได้รับประโยชน์จากโครงการชลประทานเขื่อนแม่วงก์ เพื่อสื่อสารผ่านยูทูป
เพียงหวังว่าเรื่องไกลตัวแบบนี้กระจายไปสู่การรับรู้ของผู้คน สักหนึ่งในร้อยหรือหนึ่งในพันของการรับรู้จากยูทูป ตอนที่ผมอธิบายเรื่องใกล้ตัวอย่างน้ำท่วมใหญ่ปี 54 บ้างก็พอแล้ว
ทุ่งนาสว่างอารมณ์สีเขียวอ่อนแต่โทนสดใสเหลือเกิน เมื่อถูกขับเน้นจากแดดเหลืองจัด ห้วยแม่วงก์ที่เราเดินเรียบเธอมาเปลี่ยนชื่อจากห้วยแม่วงก์เป็นวังม้าตั้งแต่ผ่านเข้าเขตอำเภอลาดยาว ตามชื่อตำบลวังม้าที่เราเดินผ่านมาเมื่อเช้า บัดนี้ไหลเข้าจังหวัดอุทัยฯ เธอเปลี่ยนชื่ออีกครั้ง เป็นแควตากแดด หลังจากมีคลองโพไหลมาบรรจบ แควตากแดดเป็นนามสุดท้ายของเธอก่อนสบร่างร่วมกับสะแกกรังและประสานเป็นมหานทีเจ้าพระยาที่ชัยนาท
อีกสองวันเราจะไปเห็นนะจุดนั้น แม้ว่าจะยังอีกห่างไกล ผมรู้ว่าเราจะไปแม้ไกลกว่านั้น… ตามประโยคหนึ่งของเพลงเพื่อชีวิตเพลงโปรดของผม ขณะที่เดินไปสู่ขอบฟ้าสุดถนนข้างหน้า
ขณะคิดอะไรเพลินๆ ผมได้ยินเสียงผู้หญิงตะโกนเรียกมาจากในรั้วประตูบ้าน
“พี่ พี่ ใช้พวกที่ออกโทรทัน์ศเมื่อกี้หรือเปล่า” พวกเราหันไปตามเสียงนั้นมีเด็กสาววัยรุ่นผมยาวยืนอยู่ เรียกพลังความสดชื่นจากเด็กหนุ่มที่ร่วมขบวนหลายคน แน่นอนว่า หนุ่มร่วมขบวนหลายคนต่างแย่งกันเข้าไปถามว่าช่องไหน
ข่าวจากทีพีบีเอส หรือทีวีไทยที่กระจายไปสู่วงกว้างนอกกลุ่มเป้าหมายในโซเชียลมีเดียและหนังสือพิมพ์ ภาพการเดินทางไกลผ่านพื้นที่ลาดยาวเมื่อวานนี้ ไปสู่จอทีวีของชาวบ้านร้านตลาดและชุมชนแล้วหลังจากสอบถามเสร็จ เด็กสาวคนนั้นถามพวกเรากลับว่า พี่บ้ากันหรือเปล่า ทำเอาหนุ่มวัยรุ่นหน้าประตูหน้าม้านยิ้มกันแฮะๆ คงลืมสารรูปตัวเองหน้าดำไหม้แดด เสื้อผ้ามอมแมมเนื้อตัวเหม็นเหงื่อ ดีที่คำสุดท้ายของการสนทนาคือ
“ขอให้สำเร็จนะพี่”
ดวงอาทิตย์อ้อมลงทางตะวันตกใกล้แตะกับกับทิวไม้ปลายขอบทุ่งตัดขอบฟ้า ส่องเงายาวของคนเดินเรียงกัน เป็นเส้นเงาทาบพาดถนนไปอีกฝั่งหนึ่ง ความล้าแดดจากเมื่อเช้าและความแคบของทางเท้าบีบให้เราเดินก้มหน้าก้มตาเรียงกันเป็นแถวเรียงหนึ่งไม่มีใครพูดอะไรกันได้มากนัก ผมเงยหน้าจากเฟซบุ๊กสำรวจบรรยากาศรอบตัวขบวนแห่งประวัติศาสตร์เดินผ่านเวลาแห่งความทรงจำมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ร่วมทางที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน มาจากคนละที่ละทาง
แต่ล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันและอุดมการณ์เดียวกันที่จะร่วมเดินขบวนในครั้งนี้
ร่วมรักษาป่าใหญ่และสิ่งแวดล้อมกับมูลนิธิสืบนาคะเสถียร