เป็นขบวนประท้วงที่เงียบเชียบอย่างยิ่ง ไม่มีรถเครื่องเสียง ธงทิว ป้ายผ้า หรือแม้แต่กระดาษใบปลิว
ชาวบ้านที่รอตักบาตรพระยามเช้า มองเราด้วยสายตาสงสัย พลันนั้นผมคิดการสื่อสารที่จะใช้เป็นสารหลักของการเดินทางครั้งนี้ได้ว่า
“ไปกรุงเทพกันไหมครับ เดินไป”
“จริงเหรอ บ้าหรือเปล่า”
พอได้ยินคำตอบทำนองนี้มา เราก็แค่ถามเขาว่า “ไปไหมล่ะครับ” หลังจากที่คนถามเรากลับมารู้ตัวว่าไม่ได้บ้าเหมือนเรา เราก็แค่เดินต่อไป
เราสื่อสารกับชาวบ้านแม่เรวาไปแบบนี้หลายครั้ง พลันผมเห็นพระเดินบิณฑบาต สวนมาแต่ไกล ผมอยากทดสอบบางเรื่องขึ้นมาทันที
ในเช้านั้นผมไม่มีอะไรเป็นเสบียงมามากนัก มีแต่น้ำดื่มชูกำลังอยู่หลายขวด ซึ่งผมก็คิดว่าไม่น่าจะเสียหายอะไรถ้าใช้ใส่บาตรพระ
“นิมนต์ครับ หลวงพ่อ” ผมประมาณการสรรพนามแทนพระภิกษุ จากใบหน้าและบุคลิก
แน่นอนว่า ไม่ยากที่จะเข้าทางเมื่อท่านใช้สายตาที่สงสัยมองมาที่เรา
“ผมเดินประท้วงเขื่อนครับ เขื่อนแม่วงก์ ไม่อยากให้เขาสร้าง”
หลวงพ่อตกใจ และตอบทันที
“โยมต้องสงสารชาวบ้านสิ เขาต้องการเขื่อน น้ำท่วมคนข้างล่างน่าสงสาร โยมไม่ให้เขาสร้างไม่ได้หรอก”
ผมยิ้มๆ ยกมือไหว้ และเดินต่อ อย่างน้อยเราก็พอรู้แล้วว่าหนทาง ข้างหน้าพวกเราจะเผชิญกับสิ่งใด
แสงสายส่องถนนผ่านเวลาอย่างสดชื่น ร่างกายที่อดนอนเมื่อคืนยังไม่ออกอาการ ผมผ่านสำนักงานชั่วคราวของการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ในตึกแถวที่ปิดสนิท อดไม่ได้ที่เข้าไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึกในช่วงที่ผ่านบ้านแม่เรวาเข้าสู่ชุมชนตลิ่งสูง
ผมผ่านสองชั่วโมงแรกโดยมีเป้าหมายมาพักกินกาแฟกันที่นี่ ชุมชนใหญ่ก่อนออกไปสู่เขาชนกัน ระหว่างเส้นทางออกจากหน่วยพิทักษ์ป่าก่อนเข้าสู่บ้านแม่เรวา ที่ดินติดห้วยแม่วงก์มีรีสอร์ตสวยๆ เรียงราย หากเกิดเขื่อนขึ้นจริงการท่องเที่ยวแถวนี้ในระยะก่อสร้างย่อมทำไม่ได้ มีรถบรรทุกมากมายวิ่งเข้าออก ที่พักเพื่อนักท่องเที่ยวคงเปลี่ยนเป็นที่พักผู้รับเหมาก่อสร้าง คนมาทำธุรกิจค้าขายกับแรงงานตัดต้นไม้และก่อสร้างนับหมื่นพัน และนั่นคงเปลี่ยนโฉมพื้นที่เงียบสงบสวยงามนี้ไปอย่างสิ้นเชิง
การกั้นน้ำเพื่อสร้างเขื่อนคงต้องทำทางน้ำสายใหม่ให้เบี่ยงไปในขณะก่อสร้างเขื่อนกั้นน้ำ สายน้ำสวยๆ คงแห้งไปนาน อย่าว่าแต่กิจกรรมล่องแก่งที่พัฒนาขึ้นโดยชุมชนอย่างแก่งเกาะใหญ่ที่ผมเดินผ่านมา ก็คงต้องหยุดไป เราผ่านไร่มันกว้างใหญ่ที่เป็นผลจากการไม่ดูแลรักษาป่าของหน่วยงานราชการที่ต้องรับผิดชอบต่อป่าสงวนที่เหลืออยู่หลังจากสัมปทาน เรารู้มาว่าป่าแถวนี้บางที่เพิ่งถูกเปิดเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ร่องรอยน้ำป่าบ่าไหล ผ่านไร่มันบอกถึงสาเหตุที่น้ำท่วมไปด้านล่างบ่อยขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่เกี่ยวข้องกับการมีเขื่อนหรือไม่เพราะพื้นที่แถบนี้อยู่ด้านใต้ของเขื่อนลงมา
แต่พื้นที่ไร่มันแถบนี้ ที่เป็นเนินลูกฟูก สลับเนินเขา นอกจากน้ำป่าไหลบ่าเป็นธรรมดาแล้ว ย่อมมิใช่ภูมิประเทศที่มีน้ำท่วมอันใด ผมนึกถึงรายงานที่เราแบกมา บอกว่าพื้นที่ที่น้ำจะไม่ท่วมเลยเมื่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ก็คือพื้นที่แบบนี้ แต่พื้นที่ราบเมื่อเลยเขาชนกันออกไปแล้วก็จะลดน้ำท่วมได้บางส่วน
“เออหนอ เขียนรายงานกันไม่เกรงใจอดีตนักเรียนธรณีวิทยาแบบผมเลย” ผมคิดในใจ
ร่วมรักษาป่าใหญ่และสิ่งแวดล้อมกับมูลนิธิสืบนาคะเสถียร